รีวิว Dunkirk

รีวิว Dunkirk

รีวิว Dunkirk

ได้ยินชื่อ ‘คริสโตเฟอร์ โนแลน’ คอหนังก็คงรู้อยู่แล้วว่ายังไงมันก็ต้องเป็นหนังที่ดีมาก!! เพราะฉะนั้นในบทความนี้เลยขอเลือกที่จะพูดถึงเรื่องราวของ ‘ดันเคิร์ก’ ที่เป็นเหตุการณ์ครั้งสำคัญในประวัติศาสตร์สงครามโลกครั้งที่สอง เพื่อเป็นการปูเส้นเรื่องให้ทุกคนไปดูกันได้แบบเต็มอรรถรส ส่วนตัวหนังก็ขอบอกว่า ไปดูเถอะ อย่าคิดมาก มันต้องดีมากอยู่แล้ว!ดูหนังฟรี ดูหนังออนไลน์ 

รีวิว Dunkirk เรื่องย่อ 

รีวิว Dunkirk
รีวิวหนังใหม่ เหล่าทหารอังกฤษ และ ทหารฝ่ายสัมพันธมิต รนับแสน ๆ นาย ถูกโอบล้อม โดยกองกำลังฝ่ายข้าศึก เมื่อติดอยู่บนชายหาด โดยหันหลังชนทะเล พวกเขาจึง ต้องเผชิญสถานการณ์ อันไร้ทางออก เมื่อข้าศึกรุกคืบเข้ามา เรื่องราวเกิดขึ้นบนบก ในทะเล และ กลางอากาศ เครื่องบินสปิต ไฟร์ของกองทัพอากาศอังกฤษ เข้าปะทะกับศัตรูบนฟากฟ้า เหนือช่องแคบอังกฤษ เพื่อพยายามปกป้องทหาร ที่ไร้ทางสู้เบื้องล่าง ขณะเดียวกัน เรือลำเล็กนับร้อย ๆ ลำทั้งของฝ่ายทหาร และ พลเรือนต่างก็ดำเนินการช่วยเหลือ อย่างเต็มกำลัง พวกเขาเสี่ยงชีวิต แข่งกับเวลาเพื่อช่วยกำลังพล ไว้แม้เพียงเสี้ยวหนึ่งก็ยังดี
รีวิว Dunkirk
หนังเรื่องนี้ จับเหตุการณ์จริง ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 บริเวณเมืองดันเคิร์ก ชายฝั่งของประเทศฝรั่งเศส กองทัพฝ่ายสัมพันธมิตรในขณะนั้น เสียทีให้ฝ่ายอักษะ ของนาซีจนล่าถอยมาติดค้างอยู่ที่เมืองนี้จำนวนมาก ในครั้งนั้นกองทัพอังกฤษ ของฝ่ายสัมพันธมิตรจนปัญญา ในการอพยพเหล่าทหารของตน ที่เมืองนี้ร่วมหลายแสนชีวิตให้ออกจากสมรภูมินรก ทั้งยังการถูกปิดล้อม ก็ทำให้เหล่าทหารกลายเป็นเป้านิ่งให้เครื่องบินศัตรูยิงทิ้งเล่น เรียกว่ารอวันที่ฝ่ายอักษะไล่บี้มาถึงเพื่อสังหารทิ้งไม่เร็วก็ช้าเท่านั้นเอง และหากเป็นเช่นนั้นฝ่ายสัมพันธมิตรก็จะสูญเสียกำลังพลครั้งใหญ่ ยังส่งผลให้ฝ่ายอักษะ  ได้รุกคืบสู่เกาะอังกฤษซึ่งเป็น จุดยุทธการสำคัญ ในสงครามครั้งนี้ ของฝ่ายสัมพันธมิตรด้วย เพราะหากเสียอังกฤษ เป้าหมายต่อไปย่อมต้อง เป็นอเมริกาและแน่นอนหน้าประวัติศาสตร์โลก คงไม่เหมือนอย่างที่เราเห็น ในปัจจุบันนี้แน่ ๆ
ในตอนนั้นชาวบ้าน และ ชาวประมงจากอังกฤษ ต่างถูกเกณฑ์ให้นำเรือบ้าน ๆ ของตน ที่ไม่ได้รับการติดอาวุธใด ๆ ออกสู่ทะเล เข้าสู่สมรภูมิเลือด ที่ดุเดือดถึงขีดสุด ทั้งบนฟ้า และ ผืนน้ำ เพื่อนำชีวิตของกำลังพลที่ดันเคิร์กกลับสู่บ้าน ซึ่งตรงนี้กลายเป็นอีกหนึ่งในจุดเปลี่ยนของสงครามที่เกิดขึ้นด้วยพลังของชาวบ้านธรรมดา ๆ ล้วน ๆ เลยครับ
รีวิว Dunkirk
วีรกรรมของชาวบ้านตาดำ ๆ นี้ก็คงโดนใจโนแลนผู้กำกับที่เติบโตมาบนเกาะอังกฤษอย่างจัง เปรียบไปก็คงไม่ต่างจากคนไทยที่ภูมิใจในชาวบ้านบางระจันนั่นล่ะครับ แต่นี่คงแบบยิ่งใหญ่กว่าเยอะ เพราะเป็นสงครามระดับตัดสินหน้าตาของโลกได้เลย

ความรู้สึกหลังดู 

หนังใช้วิธีเล่า 3 ส่วนไปพร้อมกันโดยการดีไซน์ ที่ฉลาดมาก ๆ ตั้งแต่ชื่อหนัง ที่มีการใช้ 3 เฉดสีแทนท้องฟ้า ผืนน้ำ และแผ่นดิน ซึ่งแทนถึงสมรภูมิห้ำหั่น ของสงครามโลกที่มีทั้งทางอากาศ ทางน้ำ และทางบก นอกจากนี้หนังยังใช้ การเล่าไม่ลำดับเหตุการณ์ที่ทำให้เราคาดเดา และ ลุ้นไปกับทุกวินาทีของหนังอย่างชาญฉลาดมากจนบางคนน่าจะเอาไปเทียบกับงานเก่าอย่าง Memento และ Inception แต่ขอบอกเลยว่าเข้าใจง่ายกว่าและยังใช้ประโยชน์ของการเหลื่อมเวลาได้อย่างระทึกใจกว่าด้วย
รีวิวDunkirk
โดยได้แบ่งการเล่าเรื่องเป็นสถานการณ์ 3 ช่วงต่างสถานที่คือ ช่วง 1 สัปดาห์บนบริเวณชายหาดดันเคิร์กที่ ทอมมี่ ทหารเด็กหนุ่มชาวอังกฤษ (ฟิออนน์ ไวท์เฮด) กำลังหาหนทางหลบหนีขึ้นเรือขนผู้บาดเจ็บเพื่อกลับบ้าน ทำให้ระหว่างทางเขาได้พบเพื่อนร่วมหนีทหารอย่าง กิ๊บสัน ผู้เงียบงัน (แอนไนริน บาร์นาร์ด) และทหารไฮแลนด์นาม อเล็กซ์ (แฮร์รี่ สไตล์ส) เหตุการณ์ต่อมาคือช่วง 1 วันของ ดอว์สัน และปีเตอร์ลูกชาย (มาร์ก ไรแลนส์ และ ทอม กลินน์-คาร์นี่ย์) กับเพื่อนของปีเตอร์นาม จอร์จ (แบร์รี่  คีโอกาน) ที่กำลังเอาเรือมูนสโตนออกไปช่วยเหล่าทหารกลับมาอังกฤษ และเหตุการณ์สุดท้ายคือช่วงเวลา 1 ชั่วโมงของทหารเครื่องบินขับไล่นาม ฟาร์ริเออร์ (ทอม ฮาร์ดี้) กับเพื่อนคือ คอลลินส์ (แจ็ก โลว์เดน) ออกปฏิบัติการปราบเครื่องบินขับไล่และเครื่องบินทิ้งระเบิดที่ทำลายเรือขนส่งทหารตลอดจนฆ่าทหารที่อยู่บนชายฝั่ง

เห็นแบบนี้นึกว่าจะไม่มีอะไร ขอบอกว่าโนแลนใส่สถานการณ์ชวนให้ต้องลุ้นตลอดเวลาได้ แบบเราต้องทึ่งครับ

รีวิวDunkirk
และหนังฉลาดดีมากครับที่เลือกดาราหน้าใหม่ และเด็กหนุ่มมาสะท้อนภาพสงคราม เพราะเราได้เห็นความไม่เจนโลก ความหวาดกลัวต่อสงคราม บาดแผลในจิตใจ ตลอดจนการเติบโตเชิงปรัชญาของเด็กหนุ่มผู้ผ่านช่วงเวลาเป็นตายทั้งต่อชีวิตของเขาและต่อศีลธรรมในใจ ฉากที่น่าจะได้รับการพูดถึงมากฉากหนึ่งคือ ฉากที่เหล่าเด็กหนุ่มต้องเลือกผู้เสียสละที่ชวนให้นึกถึงฉากโจ๊กเกอร์วางระเบิดเรือใน The Dark Knight เลยทีเดียว กับอีกฉากก็คือช่วงที่ปีเตอร์เลือกจะตอบคำถามของนายทหารหนีทัพ (ซิลเลี่ยน เมอร์ฟี่) ที่แสดงนัยเชิงปรัชญาได้อย่างเรียบง่ายแต่สะเทือนใจมาก ๆ ครับ

ปูความรู้ก่อนไปดูหนัง กับ ‘ยุทธการที่ดันเคิร์ก’

รีวิวDunkirk

 

ยุทธการที่ดันเคิร์กเป็นหนึ่งในเหตุการณ์ครั้งสำคัญของสงครามโลกครั้งที่สอง ซึ่งเกิดขึ้นเพียงเวลาไม่ถึง 2 สัปดาห์เท่านั้น (ระหว่างวันที่ 26 พฤษภาคม จนถึงวันที่ 4 มิถุนายน ค.ศ.1940)
อย่างที่เรารู้กันว่าในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง จะแบ่งออกเป็นสงครามระหว่างกลุ่มอักษะและฝ่ายสัมพันธมิตร
ซึ่งในช่วงนั้นกองกำลังทหารฝ่ายสัมพันธมิตรถูกล้อมไว้โดยพวกอักษะ มีทหารกว่าสี่แสนนายที่ถูกล้อมไว้ที่หาดดันเคิร์ก เมืองคาเลส์ ประเทศฝรั่งเศส ซึ่งทหารฝ่ายอักษะก็ทำศึกบีบเข้ามาเรื่อยๆ จนกองกำลังสัมพันธมิตรจะต้านได้อีกไม่นาน วิธีที่จะเอาชีวิตรอดออกมาได้ก็คือการอพยพทหารโดยทางเรือเท่านั้น
ยุทธการที่ดันเคิร์ก จึงเกิดขึ้นโดยมีเป้าหมายคือการระดมกองเรือให้ได้มากที่สุดเพื่อขนถ่ายทหารกลับมาให้ได้มากที่สุด จนท้ายที่สุดก็สามารถอพยพทหารสัมพันธมิตรกว่า 330,000 ผ่านทางทะเลกลับมาได้

ดันเคิร์ก อยู่ตรงไหน?

 

รีวิวDunkirk
เวลาดูหนังประวัติศาสตร์ก็เหมือนได้กลับไปอยู่ในห้องเรียนสมัยม.ปลายอีกรอบ เพราะฉะนั้นไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว มาดูแผนที่กันเลยละกันว่าเจ้าดันเคิร์กนี่มันอยู่ตรงไหนของโลก
ในตัวอย่างหนังจะมีบทที่ตัวละครพูดว่า “You can practically see it from here…home.” (คุณสามารถมองเห็นบ้าน (อังกฤษ) ได้จากตรงนี้เลย)
ซึ่งหากดูแผนที่โลกแล้ว จะพบว่าระยะทางระหว่างดันเคิร์ก กับประเทศอังกฤษ มันใกล้กันมากๆ แบบที่เกือบจะมองเห็นได้ด้วยตาแล้วจริงๆ มันเลยยิ่งเป็นเส้นเรื่องที่บีบคั้นหัวใจเราเข้าไปอีก ว่าเส้นทางมันใกล้แต่หนทางที่จะอพยพไปได้สำเร็จมันช่างไกลจริงๆ
ไม่ระเบิดตู้มต้ามอลังการ แต่บีบคั้นหัวใจสุดๆ
รีวิวDunkirk
ขึ้นชื่อว่าเป็นหนังเกี่ยวกับสงคราม อาจคิดว่าต้องมีระเบิดตู้มต้ามทั้งเรื่อง เอฟเฟกต์ต่างๆ ต้องงัดออกมาเต็มที่ ต้องมีร้องไห้ ต้องมีกรีดร้อง ต้องมีเลือดไหลโชก!!
แต่.. โนแลนไม่ได้สร้างหนังเรื่องนี้ให้ออกมาเป็นแบบนั้น เขากลับสร้างหนังเรื่องนี้ออกมาได้เรียบง่ายสุดๆ เล่าผ่านเส้นเรื่องที่จริงใจ ไม่ได้เติมแต่งหรือพยายามขยี้อารมณ์คนดูให้รู้สึกหดหู่ แต่ยิ่งทุกอย่างมันราบเรียบไปหมดเราเลยยิ่งเกิดความกดดัน เราไม่รู้เลยว่าจะเจอกับอะไรบ้างในหนังเรื่องนี้ เหมือนเราถูกพาเข้าไปอยู่ในเหตุการณ์ หน้าที่ของคนดูคือการเผชิญไปกับตัวละครในสถานการณ์ต่างๆ เท่านั้นเอง
เรื่องราวแสนหดหู่ ขัดแย้งกับหนังที่บรรจงถ่ายอย่างสวยงาม
รีวิวDunkirk
ถ้าพูดถึงหนังที่ต้องมีตัวเอกของเรื่อง หนังเรื่องนี้ตัวเอกคงเป็นภาพและเสียงที่เป็นตัวดำเนินให้คนดูรู้สึกไปกับมัน
หนังเรื่องนี้เอาจริงแค่ไปดูภาพต่างๆ ที่นำเสนอออกมาก็คุ้มแล้ว ทุกเฟรมภาพถ่ายทำออกมาดีมาก ไม่ได้มีซีจี หรือเอฟเฟกต์อะไรหนักหน่วงมากมาย แต่สื่อสารอารมณ์ได้ดีมากๆ
มันเวิ้งว้าง มันนิ่งเรียบ มันคือความสวยงามที่ขัดกับสถานการณ์ที่ตัวละครกำลังเจอ
อีกหนึ่งที่ต้องชมคือการที่ ฮานส์ ซิมเมอร์ ได้ประพันธ์ดนตรีประกอบหนังได้อย่างเด็ดดวง คลุมบรรยากาศอันไม่น่าไว้วางใจ ความหวาดผวาและความเป็นตาย โดยใช้นาฬิกาพกของโนแลนทำเสียงจังหวะขมวดเกร็งที่บีบคั้นเข้ามาเรื่อย ๆ  โดยแทบไม่ต้องพึ่งดนตรีอึกทึกครึกโครมใด ๆ กลับทรงพลังและกดดันผู้ชมกับตัวละครได้ระทึกขวัญยิ่งกว่าหนังผีหนังเครียด ๆ เสียอีกครับ ซึ่งความไร้ปราณีของซิมเมอร์นั้นก็ต้องเรียกว่าเลวเลยล่ะ เพราะแม้สถานการณ์หลายอย่างจะคลี่คลายลงบ้างแล้ว แต่ดนตรีพี่แกไม่หย่อนความกดดันลงให้เราได้พักเลย จนช่วง 10 นาทีสุดท้ายของหนังนู่นล่ะครับ เราถึงค่อยได้หายใจคล่องขึ้นหน่อย

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *