รีวิว Lady Bird

รีวิว Lady Bird

รีวิว Lady Bird

  รีวิว Lady Bird เนื้อหา 

รีวิว Lady Bird

ช่วงวัยมัธยมเป็นช่วงเวลาที่ผมคิดถึงและโหยหามากที่สุดในชีวิต แม้มันจะเป็นวัยที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวด อกหักครั้งแรก ทะเลาะกับเพื่อนสนิท ผิดหวังกับการสอบไม่ติดคณะที่เราหวังไว้ วิตกกังวลกับการค้นหาตัวตนและสิ่งที่เราอยากจะเป็น แต่ในวัยนั้นเราต่างเต็มไปด้วยพลังงานที่อยากเปลี่ยนแปลงตัวเองให้ดีขึ้น ถึงจะล้ม แต่เราก็ลุกกลับขึ้นมาได้อย่างรวดเร็ว และท่ามกลางความเจ็บปวดเหล่านั้น ความบ้าของวัยรุ่นก็ทำให้เราหาหนทางที่จะมีความสุขกับสิ่งรอบตัวได้ และรักษาแผลที่เจ็บปวดอยู่นั้นให้เบาลงไปได้เสมอ
Lady Bird เป็นภาพยนตร์วัยรุ่นเรื่องหนึ่งที่เดินเรื่องอย่างฉับไวและคมคาย ประกอบไปด้วยส่วนผสมที่กลมกล่อมระหว่างบทสนทนาเท่ๆ และการแสดงที่เต็มไปด้วยเสน่ห์อันแพรวพราวของ Saoirse Ronan ที่พาตัวเองเข้าชิงตำแหน่งนักแสดงนำหญิงของเวทีออสการ์อีกครั้งในปี 2018 กับบทของ คริสทีน (ที่เธอ ได้ตั้งชื่อตัวเองขึ้นมาใหม่อย่างเก๋ไก๋ว่า Lady Bird) สลัดคราบเด็กสาวชนบทพูดน้อยใน Brooklyn (2015) เป็นเด็กวัยรุ่นสุดแสบที่แสนจะหัวรั้นและทะเยอทะยาน เมื่อ Lady Bird พบว่าชีวิตของเธอมันช่างน่าเซ็ง อยู่ในครอบครัวที่แสนจะน่าเบื่อ และเมืองที่ทุกซอกทุกมุมเต็มไปด้วยคำว่าธรรมดา ทำให้เธออยากพาตัวเองไปเรียนต่อมหาวิทยาลัยในนิวยอร์ก เมืองที่เธอวาดฝันถึงความซิวิไลซ์และชีวิตที่ดีกว่านี้เอาไว้ แม้ว่าการตัดสินใจครั้งนี้จะทำให้ครอบครัวต้องตกที่นั่งลำบาก เพราะพ่อแม่ของเธอกำลังประสบปัญหาด้านการเงินอยู่ดูหนัง,

รีวิว Lady Bird

Lady Bird เป็นหนัง coming of age อีกเรื่องหนึ่งที่กวาดรางวัลมากมายในปี 2018 ทั้งรางวัล Best Musical or Comedy Motion Picture ของ Golden Globe Awards ครั้งที่ 75 รวมทั้งได้เข้าชิงรางวัลภาพยนตร์ยอดเยี่ยมของออสการ์ด้วย ยิ่งไปกว่านั้นหนังเต็มไปด้วยนักแสดงที่เราชอบมาก ทั้ง Saoirse Ronan ที่ได้กล่าวไป Timothée Chalamet ที่ในปีเดียวกันได้เข้าชิงรางวัลนำชายของออสการ์จาก Call Me by Your Name (2017) หรือ Lucas Hedges จาก Manchester by The Sea (2016) ซึ่งทุกคนรับหน้าที่ถ่ายทอดตัวละครของตัวเองได้ดีมากจนทำให้บรรยากาศของหนังเต็มไปด้วยยิ้มละมุนๆ แม้ว่าจะเป็นฉากที่เศร้าก็ตามดูหนังออนไลน์

“ เลดี้ เบิร์ด ” เขียนบทและกำกับโดย เกรตา เจอร์วิก นักแสดงหญิงสายอินดี้ที่พักงานแสดงชั่วคราว มากำกับหนังเรื่องนี้ หลายคนอาจคุ้นหน้าคุ้นตาเธอมาบ้างจากภาพยนต์เรื่อง แม็กกี้ส์ แพลน (Maggie’s Plan) มิสเทรส อเมริกา (Mistress America) จากความสำเร็จของเลดี้ เบิร์ด ก็ถือได้ว่าเธอเป็นบุคคลคุณภาพในวงการฮอลลีวูด อีกคนนึงได้เลยนะครับ ครบเครื่องเก่งทั้งแสดง เขียนบทและกำกับ
ยอดเยี่ยมเลยจริงๆดูหนัง,

แต่คนที่เราเซอร์ไพรส์กับการแสดงมากที่สุดคือ Laurie Metcalf ที่รับบทเป็นแม่ของ Lady Bird ที่ทำให้เราคิดถึงแม่ของเราขึ้นมาหลายครั้งระหว่างดู ด้วยการแสดงที่เป็นธรรมชาติ และรับรู้ถึงความเป็น ‘มนุษย์แม่’ จริงๆ ที่แม้ว่าจะขี้บ่น จู้จี้จุกจิก พูดจาทำร้ายจิตใจเราบ้าง แต่จุดประสงค์ของเขาก็เพื่ออยากจะให้เราเป็นคนที่ดีขึ้น และภายใต้คำบ่นและต่อว่าก็เต็มไปด้วยความรักอยู่ทั้งนั้น

นอกจากจะเล่าถึงปัญหาความสัมพันธ์ในครอบครัวแล้ว หนังยังเล่าถึงปัญหาของวัยรุ่นไม่ว่าจะเป็นการไม่พอใจกับกลุ่มเพื่อนที่คบอยู่ การสร้างโปรไฟล์ปลอมๆ ขึ้นมาเพื่อให้ได้อยู่ในสังคมที่ดีขึ้นหรือเพื่อให้ใครสักคนตกหลุมรัก โดยมีฉากเบื้องหลังของปัญหาเหล่านี้เป็นช่วงที่อเมริกากำลังเผชิญกับเหตุการณ์ 9/11 ที่ทำให้ทัศนคติในการใช้ชีวิตของอเมริกันชนเปลี่ยนแปลงและตามมาด้วยผลกระทบหลายๆ ด้านอย่างปัญหาการเงินของครอบครัวคริสทีนเองก็มาจากเหตุการณ์นี้ดูหนังออนไลน์

มีหลายๆ ฉากในหนังที่ทำเราน้ำตาคลอไปจนถึงสะอึกสะอื้นในโรง ส่วนหนึ่งเรื่องราวในหนังอาจจะตรงกับชีวิตเราช่วงนี้ เราชอบถามตัวเองบ่อยๆ ว่า เราแค่อยากเป็นตัวของตัวเอง อยากทำงานในที่ที่ตัวเองชอบ อยากออกเดินทาง ทำอะไรที่เราอยากทำ เรื่องง่ายๆ แค่นี้ ทำไมมันยากจังวะ? จนหลายครั้งเราเผลอโทษครอบครัวว่าทำไมไม่เกิดมาในบ้านที่รวยกว่านี้ ในครอบครัวที่ทำให้เรามีโอกาสมากกว่านี้ โดยเผลอลืมไปว่าเขาต้องเสียสละความฝัน ความสุขในชีวิต ที่เขาก็อาจจะอยากหนีชีวิตน่าเบื่อออกไปทำอย่างอื่นเหมือนกัน แต่เพราะเขารักเราและอยากเห็นเราเติบโตมาในทางที่ดีจึงต้องอดทนมาตลอด แม้อาจจะไม่ได้สมบูรณ์แบบ แต่เชื่อเถอะว่ามันอาจจะดีที่สุดแล้วที่เขาพอจะทำเพื่อเราได้

Lady Bird เป็นหนังแทงใจคนห่วยๆ แบบเรา เราเข้าใจคริสทีนมากๆ เพราะเราเองก็เป็นเด็กค่าเฉลี่ย ไม่ใช่เด็กเรียนดีกิจกรรมเด่น หน้าตาดูดี จนเป็นที่จดจำของอาจารย์หรือเพื่อนในรุ่น เคยคิดถึงกับว่า พระเจ้าโกรธอะไรเราปะ ทำไมต้องทำให้เราเป็นคนธรรมดาขนาดนี้ เราก็แค่อยากเป็นคนที่น่าจดจำ อยากมีชีวิตที่ดี และถ่ายรูปลงโซเชียลเน็ตเวิร์กให้คนอื่นมาอิจฉาชีวิตเราบ้าง จนบางครั้งเราก็หลงไปพยายามทำตามคนนู้นคนนี้ หวังจะมีพื้นที่ที่คนอื่นจดจำแบบใครเขา
สุดท้ายเราก็ทำไม่ได้ สุดท้ายเราก็หนีตัวเองไปไม่พ้น เราไม่ใช่เขาที่จะทำแบบนั้นแล้วประสบความสำเร็จ

หลายครั้งที่เราลืมและมัวมองแต่ความสุขระยะสั้น จนลืมไปว่าเราได้อยู่ท่ามกลางคนที่เรารักเขาและเขาก็รักเรา แม้มันจะมีช่วงที่แย่และไม่เข้าใจกันบ้าง แต่สุดท้ายเราต่างก็ไม่เคยห่างกันไปไหน เราต่างช่วยประคับประคองกันไปและเราเองก็อยากทำตัวเองให้ดียิ่งขึ้นเพื่อคนเหล่านั้นรีวิวหนังใหม่

เราทุกคนเคยมีหรือต่างก็มี Lady Bird อยู่ในตัวเอง เราต่างเคยเป็นลูกนกที่ต้องผละออกจากรังแสนสบายลองออกบินด้วยตัวเอง ช่วงแรกๆ เราคงอยากจะบินไปทุกหนทุกแห่งเท่าที่แรงจะบินไปได้ แต่สุดท้ายก็เผลอพลัดหลงไปไกลไหนต่อไหน และคิดถึงการกลับมาอยู่ในรังที่แสนจะปลอดภัยของเราในที่สุด

สุดท้ายพวกเราทุกคนก็คงต้องสู้กันต่อไป และยอมรับว่าชีวิตเราส่วนใหญ่ก็มักไม่เป็นไปตามที่เราหวังไว้ ดีที่สุดของเรามันอาจจะเป็นได้แค่นี้ เป็นแค่คนธรรมดาคนหนึ่งที่พยายามทำตัวเองให้ดีขึ้นทีละนิด และได้แต่ภาวนาว่าโลกจะไม่ร้ายกับเรามากไปกว่านี้ก็เท่านั้น

Greta Gerwig กำกับและเขียนบทอย่างฉลาด เธอเขียนบทให้ “Lady Bird” ดูเป็นเด็กที่ทำอะไรหรือแสดงออกอะไรต่อมิอะไรไม่ค่อยน่ารัก (อย่างน้อยก็ในสายตาผู้ใหญ่ที่อาบน้ำร้อนมาก่อน) แต่ความคิดและคำพูดของเธอมันบ่งบอกว่าเธอก็ฉลาด โดยเฉพาะตอนที่เธอต่อปากต่อคำกับแม่ของเธอ มันไม่ได้บ่งบอกถึงแต่ความคิดความอ่านของเธอ หากแต่บ่งบอกถึงความสัมพันธ์ระหว่างสองแม่ลูกได้อย่างดี แน่นอนว่า Saoirse Ronan และ Laurie Metcalf ถ่ายทอดมันออกมาอย่างยอดเยี่ยมไร้ที่ติ รีวิวหนังใหม่netflix

รีวิวหนัง ‘เลดี้ เบิร์ด’

รีวิว Lady Bird

หนังมีทั้งส่วนของดราม่าและคอมิดี้ ด้วยเรื่องราวความสัมพันธ์ในครอบครัว การเรียนรู้ ค้นหา เข้าใจ และเติบโตของสาววัยรุ่นคนหนึ่ง ผ่านเรื่องราวในบ้าน โรงเรียน และความรักของวัยหนุ่มสาว ผ่านบทพูดที่มีทั้งการทะเลาะ เสียดสี แดกดัน ด้วยความขบถต่อต้านทุกสิ่งที่เธอไม่เห็นด้วย

หนังมีช่วงสะเทือนใจแบบไม่บีบเค้น คนดูจะรู้สึกมันได้เอง ซึ่งในส่วนนี้ คงต้องยกความดีความชอบให้กับนักแสดงอย่าง Laurie Metcalf และผู้กำกับอย่าง Greta Gerwig งานแรกในชีวิตของเธอ แต่กลับทำได้ดี น่าทึ่งอยู่ไม่น้อยเลย

มันคือหนังสไตล์ Coming of Age ที่ตัวละครนางเอกได้เรียนรู้และเข้าใจชีวิตได้จากสิ่งที่เธอกระทำและสิ่งที่เธอได้รับตอบแทน เพราะคนเราต้องเคยมองข้ามเพราะมองโลกในอีกแบบหนึ่ง แต่พอวันเวลาเปลี่ยน ประสบการณ์ชีวิตที่มากขึ้น จะทำให้เราคิดอีกแบบ ซึ่งไม่ใช่สิ่งที่แปลก เป็นกันได้ทุกคน

เราชอบที่ “Lady Bird” เถียงกับแม่เกี่ยวกับเรื่องเงิน ๆ ทอง ๆ ไม่ว่าจะเป็นตอนที่แม่เธอบ่นประมาณว่า “รู้มั้ย ต้องใช้เงินตั้งเท่าไหร่กว่าจะเลี้ยงลูกมาจนโตขนาดนี้ได้” แล้วเธอตอบว่า “จดมาเลยว่าเสียไปเท่าไหร่ หาเงินเองได้เมื่อไหร่ จะหามาเยอะ ๆ แล้วเอามาจ่ายคืนให้หมด” ซึ่งแน่นอน นั่นคือวินาทีที่ทุกคนในห้องนั้น (รวมถึงทุกคนที่นั่งอยู่ในโรงหนัง) ได้ตระหนักชัดเจนว่า ความสัมพันธ์ ความผูกพัน และการเติบโต มันไม่ได้วัดกันได้ด้วยเงินตราเพียงอย่างเดียว มันประเมินค่าแทบไม่ได้เลยเสียด้วยซ้ำ
อีกไดอะล็อกที่เราชอบยิ่งกว่าคือ ตอนที่แม่เธอพูดว่า “การมีเงินหรือการประสบความสำเร็จไม่ได้หมายความว่าเราจะมีความสุข” (ซึ่งเป็นประโยคที่ใคร ๆ ก็มักจะพูดกันในสมัยนี้เพื่อปลอบใจตนเองให้พอเพียงหรือพอใจกับสิ่งที่ตนมีอยู่ หรือจะด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม นั่นแหละ) แล้ว “Lady Bird” ตอกหน้าแม่กลับไปว่า “แต่ตอนนี้เราไม่มีเงิน พ่อก็ไม่มีความสุขเหมือนกัน” และนั่นคืออีกครั้งที่เราได้ตระหนักว่า… เงินใช้ชี้วัดอะไรไม่ได้เลย เงินไม่อาจทำให้เรามีความสุข แต่เงินจะเป็นบันไดนำพาเราไปมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นได้ เช่น ถ้าเธอขอทุนเรียนต่อได้ เธอก็จะสามารถได้การศึกษาที่ดี และเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่เธอต้องการได้… และนั่นคือความจริง… ที่ต้องเป็นคนที่ “ไม่มี” มาก่อนเท่านั้นถึงจะเข้าใจมันอย่างแท้จริง
แต่สิ่งที่สำคัญกว่าเรื่องมีเงินหรือไม่มีเงินคือ เราต้องเป็นตัวของตัวเอง รู้จักตัวเอง และยอมรับตัวเองให้ได้เสียก่อนที่จะให้คนอื่นมายอมรับเรา รวมถึงต้องรู้จักมองโลกรอบข้างในแบบที่มันเป็น (เช่นเดียวกับการที่เข้าใจว่าเงินชี้วัดความสุขไม่ได้แต่เงินคือสิ่งที่ต้องมี) แล้วจุดนั้นเองคือจุดที่เราเรียกว่า “การเติบโต” ที่แท้จริง  ซีรี่ย์Netflixน่าดู

 

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *