รีวิว The Unbearable Weight of Massive Talent
รีวิว The Unbearable Weight of Massive Talent เรื่องย่อ
The Unbearable Weight of Massive Talent หนังแอ็กชันคอเมดี้เรื่องล่าสุดของ Nicolas Cage ที่เรียกได้ว่าสร้างความตื่นตาตื่นใจแก่แฟนๆ ตั้งแต่ปล่อยตัวอย่าง โดยเฉพาะการที่ Nicolas Cage ต้องมาสวมบทบาทเป็น Nick Cage ตัวละครสมมติที่ถูกแต่งขึ้นมาจากตัวเขาเอง และหลังจากเปิดตัวฉายรอบปฐมทัศน์เมื่อเดือนมีนาคม ภาพยนตร์ก็ได้เสียงตอบรับจากผู้ชมอย่างล้นหลาม ด้วยการกวาดคะแนนรีวิวจากนักวิจารณ์บนเว็บไซต์ Rotten Tomatoes สูงถึง 100% เต็ม
(คะแนนปัจจุบันอยู่ที่ 87% และได้คะแนนจากผู้ชมทั่วไปสูงถึง 87% ) และด้วยเสียงตอบรับที่ดีเหล่านี้จึงทำให้ The Unbearable Weight of Massive Talent กลายเป็นผลงานของ Nicolas Cage ที่คอภาพยนตร์ต่างตั้งตารอมากที่สุด
เรื่องราวของ นิโคลัส เคจ (รับบทโดย นิโคลัส เคจ) อดีตดาราฮอลลีวูดชื่อดัง ที่ปัจจุบันเป็นดาราตกอับ เนื่องจากนิสัยใช้เงินมือเติบ (ฟุ่มเฟือย) จนไม่มีเงินเก็บ แถมยังต้องอาศัยอยู่ในโรงแรมมาเป็นปี และติดหนี้ที่โรงแรมมากถึง 6 แสนดอลลาร์ ( ประมาณ 25 ล้านบาท ) แถมความสัมพันธ์ของเขากับครอบครัวก็ไม่มั่นคงนัก เขาหย่ากับภรรยา มีลูกสาวอายุ 16 ปี ตอนลูกเด็กๆ เขาสนิทกับลูกมาก แต่พอโตมากลับคุยกันน้อยลง และสาเหตุก็มาจากตัว นิโคลัส เคจ นั่นแหละ ที่ชอบยัดเยียดสิ่งที่ตัวเองชอบให้กับลูกจนลูกรู้สึกอึดอัด เมื่อปัญหารุมเร้าแบบนี้ เขาจึงหาทางที่จะแสดงหนังดีๆซักเรื่องเพื่อให้ตัวเองกลับมาดังอีกครั้ง ซึ่งเขาได้ติดต่อกับผู้กำกับคนหนึ่งไว้และรอลุ้นอยู่ว่าจะได้แสดงไหม ในระหว่างนั้นผู้จัดการส่วนตัวของเขาก็บอกว่ามีเศรษฐีคนหนึ่งที่เป็นแฟนคลับตัวยงของเขาชื่อ จาวี (รับบทโดย เพโดร ปาสคาล) อยากจ้างเขา 1 ล้านดอลลาร์ เพื่อให้ไปเข้าร่วมในปาร์ตี้งานวันเกิดของเขา ซึ่ง นิโคลัส เคจ ไม่อยากทำ เขาอยากแสดงหนังมากกว่าดูหนัง,
จึงพยายามหาบทต่อไป แต่สุดท้ายเขาก็พลาดบทที่เล็งไว้ แถมพอกลับไปโรงแรมห้องก็โดนล็อคเพราะเขาค้างค่าเช่าโรงแรมอยู่ ทำให้เขาหมดหนทางและตัดสินใจรับงานปาร์ตี้วันเกิดดังกล่าว หลังจากนั้นก็จะเลิกแสดงหนังถาวร แต่เขาหารู้ไม่ว่าแท้จริงแล้วเศรษฐีที่จ้างเขาไปนั้นเป็นคนที่ถูก CIA หมายหัวอยู่ ทำให้ นิโคลัส เคจ เมื่อ เคจ พบว่าภายใต้หน้ากากแฟนพันธุ์แท้ ‘ นิค เคจ ’ มหาเศรษฐีคนนี้คือ เจ้าพ่อค้ายารายใหญ่ที่เป็นที่ต้องการตัวของ CIA นั่นทำให้เขาถูกหมายหัวในฐานะผู้สมรู้ร่วมคิด เคจต้องตกกระไดพลอยโจนสวมบทบาทในอดีตที่เคยสร้างชื่อให้กับเขาเพื่อหาทางเอาตัวรอดจากสถานการณ์นี้ไปให้ได้ดูหนังออนไลน์
หนังเปิดมาได้อย่างน่าสนใจด้วยสภาพที่จมไม่ลงและพยายามอย่างเอาเป็นเอาตายของพระเอกในการได้กลับมาเล่นหนังสักเรื่องหนึ่ง ท่ามกลางมรสุมของความสัมพันธ์ในครอบครัวที่ต่อไม่ติดกับอดีตภรรยาและลูกสาววัยรุ่นที่ปฏิเสธการอยู่ใต้ร่มเงาของพ่อที่เป็นตำนาน จนเขาต้องตัดใจว่ามันคงหมดยุคของเขาแล้วจริง ๆ ด้วยการยอมรับงานโชว์ตัววันเกิดเช่นเดียวกับพวกดาราตกอับเพื่อเอาเงินมาใช้หนี้ แล้วจะประกาศเกษียณจากอาชีพนักแสดงไปตลอดกาลดูหนัง,
แต่โชคชะตาก็เล่นตลกกับเขาเพราะนายจ้างคนล่าสุดนั้นดันเป็นแฟนคลับเดนตายที่ต้องการเปลี่ยนใจให้เขามาแสดงหนังที่ตนเองเขียนบทรอไว้ให้ได้ ซึ่งถึงช่วงเวลานี้ของหนังต้องบอกว่ามีลูกเล่นและท่าทีรวมถึงบทสนทนาที่คมคาย เป็นงานคราฟต์โบรแมนซ์ที่ดีมาก ๆ ทีเดียว ใครที่ติดตามข่าวตัวหนังมาระดับหนึ่งคงไม่ได้คาดหวังจะเห็นฉากบู๊สะบั้นแบบงานของ นิโคลัส เคจ ( Nicolas Cage ) ในยุคพีค ๆ หรืองานเกรดบีเอามันเช่นในช่วงหลัง เพราะหนังเรื่องนี้เป็นงานดราม่าตลกร้ายที่จิกกัดเสียดสีชีวิตในเส้นทางการแสดงหลายสิบปีของเคจมากเสียกว่า แค่เปิดเรื่องมาก็แทบจะอธิบายสิ้นสงสัยแล้วว่าทำไมช่วงหลังแกรับงานหนังไม่เลือกเกรดเสียขนาดนั้น จะบอกว่าเป็นงานที่ใกล้เคียง ‘Adaptation.’ (2002) ที่เคจรับบทเป็นฝาแฝดในแบบที่ไม่หนักข้อและเข้าถึงได้ง่ายกว่าก็ว่าได้
ที่มาของหนัง
โดยเรื่องนี้มีจุดเริ่มต้นจาก ‘บทหนัง’ ที่ถูกจับตามองและยังไม่ถูกนำมาสร้างของฮอลลีวูด อาจด้วยเหตุผลของความยากในการผลิตหรือปัญหาอื่น ๆ ที่คนในวงการรู้จักดีว่าเป็นกลุ่ม ‘แบล็กลิสต์’ ซึ่งในปี 2019 โปรเจกต์หนังของผู้กำกับ ทอม กอร์ไมแคน ( Tom Gormican ) ที่เคยมีผลงานหนังโรแมนติกคอมเมดี้ 3 เพื่อนซี้ไม่อยากโสดเรื่อง ‘That Awkward Moment’ (2014) และมือเขียนบท เควิน เอตเทน ( Kevin Etten ) เรื่องนี้ก็ได้รับการชื่นชมให้เป็นแบล็กลิสต์ของปีนั้นเช่นกัน
พล็อตของหนังมีความสร้างสรรค์สูง และมีหน้าหนังที่ขายได้อย่างแน่นอนด้วยทุนสร้างที่ไม่ต้องสูงนักเพราะเน้นชูความคลั่งไคล้ในดาราไอคอนของหนังยุคหนึ่งอย่างเคจที่มีฐานแฟนคลับมาหลายรุ่น (เพราะแกมีหนังออกมาตลอด) โดยให้นักแสดงได้เล่นเป็นตัวละครสมมติที่เป็นตัวเองอีกที ซึ่งปัญหาเดียวคือถ้าเคจไม่รับเล่นหนังเรื่องนี้ก็จะไม่มีทางเกิดขึ้นมาได้ และ ทำให้บทหนังเรื่องนี้ค้างเติ่งไม่ถูกสร้างมาหลายปี ซึ่งสำหรับเคจด้วยเนื้อหาที่พูดถึงการเป็นตัวเขาเองมันก็สุ่มเสี่ยงที่หากไปอยู่ในมือผู้สร้างที่ไม่เคารพเขา ก็อาจทำให้การแสดงหนังเรื่องที่ 100 ของเขานั้นเป็นตราบาปไปชั่วชีวิตเลยก็ได้ดูหนังออนไลน์
สิ่งที่ต้องชื่นชมสำหรับเรื่องนี้นอกไปจากการนำเสนอและการแสดงที่ล้อตัวเองของเคจ คือการแสดงของ เปโดร ปาสคาล ( Pedro Pascal ) ในบทฮาวีที่ทั้งอ่อนไหวและดุดัน มีมิติหลายชั้นที่ทำคนดูรู้สึกผูกพันไปด้วยอย่างประหลาด ช่วงการสานสัมพันธ์ของชาย 2 คนที่ต่างกันทั้งที่มาและทัศนคติจึงสวยงาม น่าขันและละมุนอย่างที่สุด
บอก่อนเลยว่าเรื่องนี้สนุกมาก และบันเทิงมาก และ หากใครที่เป็นแฟนตัวยงของป๋า นิโคลัส เคจ ไม่ควรพลาดหนังเรื่องนี้ด้วยประการทั้งปวง เป็นหนังที่คนรักหนังจะหลงรักได้ง่ายๆ และเป็นการคืนฟอร์มที่เยี่ยมยอดของป๋าเคจจริงๆ แถมพอมาประกบคือกับ เพโดร ปาสคาล ก็ดันเข้าขาและฮาซะงั้น มาเริ่มรีวิวกันที่เรื่องบทก่อน บทของเรื่องนี้ส่วนตัวผมค่อยข้างชอบเลย และบทดีด้วยนะ แม้ว่าหนังจะเน้นความฮาและความบันเทิง แต่บทเรื่องนี้ก็ยังสามารถเก็บรายละเอียดเล็กๆน้อย ๆได้ดีด้วย แถมพล็อตก็ค่อนข้างปั่นและน่าสนใจพอตัวเลย คือมันมีทั้งเรื่องจริงของป๋าเคจส่วนนึง คือเรื่องที่ตกอับและเป็นอดีตดาราดัง แต่ก็มีเรื่องแต่งมาเยอะด้วยคือเรื่องสุดวายป่วงเกือบทั้งเรื่องนั่นแหละ เรียกง่ายๆว่า เป็นหนังแอ็กชันคอมเมดี้อีกเรื่องนึงที่ครบรสกลมกล่อม คงจะไม่เกินจริงนักหากเราจะกล่าวว่า The Unbearable Weight of Massive Talent เป็นภาพยนตร์ที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อแฟนภาพยนตร์ของ Nicolas Cage อย่างแท้จริง เพราะตัวผู้กำกับ Tom Gormican และมือเขียนบท Kevin Etten ได้ใส่กิมมิกเกี่ยวกับภาพยนตร์ของ Nicolas Cage เข้ามาแบบไม่ยั้ง ไม่ว่าจะเป็นการกล่าวถึงชื่อของภาพยนตร์, ฉากสุดไอคอนิกของ Nicolas Cage ที่ถูกใส่เข้ามา ไปจนถึงพร็อพจากภาพยนตร์เรื่องต่างๆ ซึ่งเราต้องสารภาพตามตรงว่ามีหลายฉากเหมือนกันที่เราตามไม่ทัน จนต้องกลับไปนั่งเสิร์ชหาว่าสิ่งที่ถูกใส่เข้ามานั้นมาจากภาพยนตร์เรื่องอะไรบ้างรีวิวหนังใหม่
ขณะเดียวกัน สำหรับใครที่ไม่ได้ติดตามผลงานของ Nicolas Cage อย่างใกล้ชิดมากนัก ( เช่นเดียวกับตัวผู้เขียน ) The Unbearable Weight of Massive Talent ก็ยังเป็นภาพยนตร์ที่โดดเด่นด้วยความตลกขบขันและการแสดงแบบสุดโต่งของ Nicolas Cage และ Pedro Pascal ที่สร้างเสียงหัวเราะแก่ผู้ชมได้ดีเช่นกัน
โดยเฉพาะบทสนทนาและการกระทำของทั้งคู่ที่ไปสุดในทาง จนทำให้สถานการณ์ธรรมดาๆ กลายเป็นสถานการณ์ที่เวอร์วังอลังการเกินคำบรรยาย รวมถึงฉากแอ็กชันที่แม้จะไม่ได้หวือหวามากนัก แต่ภาพยนตร์ก็นำเสนอฉากแอ็กชันเหล่านั้นด้วยท่วงท่าที่บ้าๆ บอๆ ซึ่งสร้างความสนุกให้เราได้ดีทีเดียว
ในภาพรวมแล้ว The Unbearable Weight of Massive Talent คือภาพยนตร์แอ็กชันคอเมดี้ที่ทำหน้าที่สร้างความสนุกสนานให้กับเราได้ดีเกินคาด โดยเฉพาะการแสดงของ Nicolas Cage และ Pedro Pascal ที่ดูเหมือนจะล้นเกินเบอร์ แต่กลับลงตัวอย่างน่าประหลาด และสำหรับใครที่เป็นแฟนตัวยงของ Nicolas Cage เราเชื่อว่าคุณจะสนุกสนานไปภาพยนตร์เรื่องนี้ได้อย่างแน่นอน