รีวิว Mad Max

รีวิว Mad Max

แมกซ์  ร็อคคาแทนสกี้ (Tom Hardy) ถูกจับไปเป็นถุงเลือดให้พวก War Boys โดยฝีมือลูกน้องของ โจ (Hugh Keays-Byrne) เพราะว่ากรุ๊ปเลือดของแมกซ์คือ O-Negative พิเศษมากเพราะสามารถให้ได้กับทุกกรุ๊ปเลย

 

ฟีเรียสซา (Charlize Theron) ซึ่งเป็นบอสใหญ่ที่โจไว้ใจมากเพราะฝีมือและความแข็งแกร่ง ได้นำรถไปขนน้ำมันที่แก๊สทาวน์ แต่ภารกิจนี้เธอกำลังทำการทรยศโดยการพาแม่พันธุ์ที่เป็นนางบำเรอของโจหนีไปอยู่ Green Place การตามล่าสุดมันส์จึงเริ่มต้นขึ้น ดูหนัง,ดูหนังออนไลน์

 

 

หนังถ่ายทอดให้เห็นถึงมุมมองที่โลกอันเสื่อมโทรม ปราศจากอาหาร น้ำ และน้ำมัน, แก๊สที่ใช้ในการขับเคลื่อนยานพาหนะ เหมือนหนังกำลังจะถ่ายทอดในโลกอนาคตว่าอาจจะมีโอกาสเกิดอะไรแบบนี้ขึ้นก็ได้ ผู้กำกับถ่ายทอดได้ตรงประเด็นมาก ๆ เพราะหนังเผยให้เห็นความดิบเถื่อนของโลกใบนี้ตั้งแต่เริ่มเรื่องที่แม้แต่แมกซ์ก็ต้องกินตัวกิ้งก่าประทังชีวิต ความน่าสนใจคือภูมิทัศน์และอากาศแบบร้อนและรายล้อมไปด้วยทะเลทราย รวมไปถึงมนุษย์ที่แก่งแย่งชิงดีชิงเด่นกันไม่รู้จักจบจักสิ้น เพราะว่าความไม่รู้จักพอของมนุษย์กับทรัพยากรที่มีไม่เพียงพอนั่นเอง

 

นางเอกเด่นมาก สวยเก่งแถมเท่สุด ๆ เด่นเทียบเท่ากับพระเอกได้เลยแม้ว่าหนังจะชูบทให้Max มากกว่า คือCharacter ของเธอดูมีมิติ มีอะไรให้น่าติดตาม ทั้งในเรื่องของบทบาท ความสามารถ แย่งบนเดานของพระเอกที่ถือว่าเป็นตัวนำเรื่องอย่างMax ไปหน้าตาเฉย แต่กระนั้นแม้จะเป็นหนังเถื่อน ๆ แต่ซีนพระนางก็มีให้เห็นอยู่ด้วยนะ รีวิวหนังใหม่

 

หนังสอดแทรกเรื่องชั้นวรรณะ รวมถึงผู้หญิงบรรดาเมียของโจที่ต้องทนทุกข์ทรมาน และที่หนังไม่ลืมที่จะนำเสนอคือชาวบ้าน คนแก่ ที่อดอยากปากแห้งรอให้โจซึ่งเปรียบเสมือนกษัตริย์คอยเปิดน้ำให้พวกเขามากินอย่างไม่เพียงพอ ทำให้เราได้เห็นถึงความเอาเปรียบและสุดจะเสื่อมโทรมในการปกครอง หนังพยายามสร้างปมให้คนดูคิดตามถึงภาวะโลกที่โหดร้ายที่มีผู้นำที่เปรียบเสมือนปิศาจ ได้คิดตามว่าทำไมแมกซ์ต้องคอยหนีหัวซุกหัวซุนจากการไล่ล่า แะสิ่งที่สำคัญอย่าง Green Place คืออะไรทำไมถึงเป็นสถานที่ที่หลาย ๆ คนต้องการจะไปอยู่

 

หนังเดินเรื่องเร็วแถมมีฉากAction มันส์กระจายชนิดที่ไม่คิดจะให้คนได้พักหายใจกันบ้าง และที่เป็นเอกลักษณ์ของหนังเรื่องนี้คือเมื่อจอดรถต้องดึงพวงมาลัยออก ถ้าจะขับก็ค่อยเอามาใส่ใหม่ ผิดกับสมัยนี้ที่ให้ความสำคัญกับกุญแจมากกว่า เลยทำให้รู้สึกว่าหนังมีอะไรเจ๋ง ๆ และแปลกใหม่หลายอย่าง ทั้งบู๊มันส์ คุณค่าของชีวิต ความเหลื่อมล้ำและการปกครอง

 

 

คะแนนเนื้อเรื่อง 10/10 ส่วนตัวค่อนข้างชอบมากจนต้องเอาขึ้นหิ้งไว้เลยครับ หนังอัดฉากบู๊กันตั้งแต่ต้นเรื่องยันท้ายเรื่อง สนุกชนิดลืมหายใจ  เอาเป็นว่าแต่ได้เห็นยานพาหนะในเรื่องที่โคตรดิบเถื่อนและสะใจสุด ๆ หนังครบทุกรสจริง ๆ เรียกได้ว่ายิงปืนนัดเดียวได้นก3 ตัวเลยครับคือ ฉากบู๊ ข้อคิดและความแปลกใหม่ รีวิวหนังใหม่netflix

รีวิว Mad Max

รีวิว Mad Max พล็อตเรื่อง

ข้อคิดที่ได้จากภาพยนตร์ รีวิวหนังสยองขวัญnetflix

 

  1. โลกในอนาคตอาจเป็นแบบในหนัง เพราะว่ามนุษย์มีความต้องการไม่จำกัด แต่ว่าธรรมชาติสร้างวัตถุดิบหรือทรัพยากรไม่ทันพอใช้ต้องการ และเมื่มนุษย์ผลาญทรัพยกรจนหมด ก็จะไม่มีอะไรเหลือ เหมือนอย่างในหนังเรื่องนี้

 

  1. ผู้นำคือสิ่งที่สำคัญที่สุด เช่นในเรื่อง ผู้นำมีความป่าเถื่อนและโหดเหี้ยม แม้ว่าจะดูเหมือนจะดีแต่ก็มีเรื่องเลวร้ายแฝงอยู่ ทำให้รูปลักษณ์ภายนอกที่น่ารังเกียจอยู่แล้ว เมื่อบวกรวมกับจิตใจเข้าไป ทำให้ไม่แปลกใจเลยที่ประชาชนภายใต้การปกครองของโจจะอดอยากปากแห้ง

 

นี่เป็นหนังที่ผมอยากแนะนำมาก เพราะว่ามันคือความครบเครื่อง ครบรสแบบไม่ต้องหาที่ไหน หนังActionที่จะแทรกข้อคิดและสะท้อนภาพสังคมและภูมิทัศน์อันโหดร้ายออกมาได้อย่างน่าสนใจ แถมฉากบู๊ก็มีเยอะ หนังมีอะไรให้ลุ้นเยอะมากเลยครับ บอกได้เลยว่าไม่น่าผิดหวัง

 

กลับมาอีกครั้งกับภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์แห่งปีที่จัดเต็มความมันส์และลุ้นระทึก Mad Max:Fury Road คือหนังที่เป็นความอัดอั้น ความคลั่งไคล้ในจินตนาการที่สรรสร้างขึ้นมานานกว่า 30 ปี

ของหนัง Mad:max เราจะได้เห็นโลกในแบบที่ไม่เคยพบเห็น มันเป็นโลกยุคที่ไร้อารธรรมหลังสงครามนิวเคลียร์ ที่ไล่ล่ากันส่วนใหญ่จะแย่งแหล่งพลังงานกัน เกี่ยวกับโลกยุคหลังสงคราม บ้านเมืองไม่มีขื่อมีแป ทรัพยากรขาดแคลน พวกที่มีปืนมีรถมีกำลังก็รวมตัวกันปล้นสดมภ์พวกอื่น

นับเป็นหนังต้นแบบของหนังแนวโลกหลังยุคล่มสลาย ประสบภาวะสงครามวนิวเคลียร์ ซึ่งสังคมโลกจริง ๆ ในขณะนั้น ก็อยู่ในภาวะตึงเครียด้านวิกฤตสงครามเย็น จนเป็นต้นแบบหนังแนวนี้หลายต่อหลายเรื่อง จนไปถึงการกลับมาอีกครั้ง

 

เรื่องราวเริ่มต้นที่ แม็กซ์ ร็อคคาแทนสกี้พระเอกของเรื่อง นำแสดงโดย (ทอม ฮาร์ดี) ถูกคร่าตัวเข้าสู่อาณาจักรของ อิมมอร์ทัน โจ (ฮิวจ์ เคยส์ ไบรน์) ประมุขเผด็จการผู้ทรงอำนาจที่ครอบครองทรัพยากร แม็กซ์เขาเชื่อว่าวิธีเดียวที่เอาชีวิตรอดได้ดีที่สุดคือการออกเดินทางอย่างลำพัง เมื่อมันมีกลุ่มพวกกากเดนสังคม ที่คอยดักจี้ ปล้นฆ่า ผู้มาเยือน(รวมทั้งพระเอกที่เป็นตำรวจภาคแรก)ที่ได้เข้ามาในเมืองนี้แต่ละวัน ทำให้แม็กซ์ ร็อคคาแทนสกี้ ต้องรับมือสถานการณ์ครั้งนี้

 

โดยตัวพระเอกเป็นคนพเนจรเร่ร่อนไปทั่ว แต่จับพลัดจับผลูไปพัวพันกับปัญหาในดินแดนที่ตนผ่าน จึงกลายมาเป็นต้องต่อสู้ช่วยเหลือผู้คนอย่างเสียมิได้ เพราะยังพอมีมนุษยธรรมอยู่ในใจเขา และ

อิมเพอเรเตอร์ ฟูริโอซ่า ซึ่งเธอเป็น คนกลุ่มที่หลบหนีออกจากซิตาเดล อย่างไรก็ตามเขาได้ถูกกวาดล้างโดยกลุ่มผู้รอดชีวิตที่หลบหนีไปในดินแดนรกร้างในสงครามซึ่งได้รับการสนับสนุนจาก Furiosa ผู้ชนะเลิศ ด้วยความโกรธแค้นขุนศึกขุนนางทุกแก๊ง พวกเขาต้องถูกตามไล่ล่าจากสงครามครั้งนี้

ตัวหนังมีฉากแอ็คชั่นเยอะมาก และ Mad Max fury road ทำจุดนี้ได้อย่างดีมาก เรื่องดำเนินเรื่อง ถือว่าดี แต่ตัวร้ายนับว่าน่ากลัว น่าเกรงขามมาก จริง ๆ หนังจะเน้นการเล่าเรื่องด้วยภาพ เล่าเรื่องด้วยเหตุการณ์ต่าง ๆ ภาคนี้ถือว่ามันส์มาก มีฉากน่าทึ่งตื่นตาตื่นใจหลายๆฉาก แต่เอาจริง ๆ เรื่องบทมันก็ไม่ได้ดีอะไรขนาดนั้น  แถมยังโดนกลบซะมิดด้วยฉากแอ็คชั่น แถมบทพูดน้อยมากจริง ๆ

 

บางตัวละครก็ไม่มีบทพูดสักคำ หนังจะเน้นแต่ ฉากบู๊ โคตรบิ้วอารมณ์ เข้าจังหวะกับแต่ละฉากมันตอบโจทย์มากซึ่งตัวหนังวิจารณ์ดีมาก แต่เรื่องรายได้น่าพอใจอยู่ โดยตัวหนังใช้ทุนสร้างไปราว ๆ 150 ล้านดอลลาร์ และ ทำรายจากทั่วโลกมากถึง 378 ล้านดอลลาร์ ซึ่งว่าประสบความสำเร็จอยู่

นับว่าการกลับมาของหนังในภาคนี้เล่นใหญ่พอสมควร ที่หยิบเอาความเป็นมันส์ ระห่ำ สะใจมาก

 

สมการรอคอยจริง ๆ สำหรับภาพยนตร์แอ็คชั่นสุดคลั่ง ซึ่งส่วนตัวมองว่าพล๊อตเรื่องนี่ธรรมดามาก เดาได้ตั้งแรกเลย หนังแอ็คชั่นระดับนี้ สิ่งที่ผมชื่นชอบมากสำหรับหนังซิ่งรถหนี เป็นอะไรแบบมันส์สะใจสุด ๆ ฉากการไล่ล่าของรถสารพัดชนิดบนทะเลทราย ขายฉากแอคชั่นอย่างเดียว แต่เนื้อเรื่องไปไม่ถึงไหน และ ผมต้องขอย้ำอีกที เรื่อง ฉากแอ็กชั่นยอมรับว่าโคตรเดือด !! ทังมุมกล้องสวยงาม ส่วน การเล่าเรื่องค่อนข้างเนือย แต่มีประเด็นให้ติดตาม

 

นานๆทีจะมาเขียนรีวิวหนัง แต่สำหรับเรื่องนี้ต้องขอจัดสักครั้งนึง

 

ปกติจะชอบดูหนังที่มีความพิเศษ หนังที่ดูแล้วกลั่นออกมาจากความตั้งใจ ความคลั่งไคล้ของคนสร้าง ดูแล้วจะรู้แล้วว่าเป็นหนังดี

Mad Max:Fury Road คือหนังที่เป็นความอัดอั้น ความคลั่งไคล้ในจินตนาการที่สรรสร้างขึ้นมานานกว่า 30 ปี ของ George Millers นับตั้งแต่ที่สร้าง Mad Max:Beyond Thunderdome ตั้งแต่สมัย 1985 เคยได้ยินข่าวมาว่ากว่าภาค Fury Road จะออกฉายต้องถูกเลื่อนถัดไปๆหลายครั้ง ไม่ว่าจะมีปัญหาที่หนังทำงบจนเกินทุนบ้างแล้ว ยื่น footage ให้ Warner Bros ดูจน producer ยอมปันใจอัดฉีดงบให้อีก และปัญหาเรื่องการตัดต่อบ้างมีการถ่ายทำแก้หลายครั้ง ลองคิดดูหนังที่ผู้สร้างได้เปิดโอกาสใส่จินตานาการความคิดของเขาได้เต็มที่ ทั้งได้รับการสนับสนุนเงินทุน และได้ rated R อีกต่างหาก กว่าที่เวลานี้หนังจะมาออกฉายได้ ถ้าไม่รัก ไม่ตั้งใจ ไม่คลั่งไคล้ของ Millers ก็ไม่รู้จะพูดยังไง

 

มาภาคนี้ Millers เอาความอัดอั้นนั้น มาระเบิดตูมๆๆๆๆ ใส่คนดูอย่างเต็มสตรีม นั่นแหละคือความพิเศษที่ผมเจอขณะที่ดู Mad Max:Fury Road และต้องบอกเลยว่าหนังบ้าเรื่องนี้มันสุดติ่ง วินาศสันตะโรจริงๆ

George Millers นับเป็นผู้กำกับที่เหนือชั้นมาก และยอมรับว่าแกเป็นคนทำหนังประเภทนี้ได้เก่งทีเดียว (ถ้าไม่นับกับที่เคยมัวแต่ไปทำหนังเพนกวินเต้นได้อย่าง Happy Feet นะ)

รีวิว Mad Max

รีวิว Mad Max ความรู้สึกหลังดู

สำหรับบทดำเนินเรื่อง Mad Max:Fury Road จะไม่ได้เน้นหรือโดดเด่นอะไรมากนัก ไม่มีพล็อตที่ซับซ้อน ซ่อนเงื่อน ชิงไหวชิงพริบอะไร เนื้อเรื่องคร่าวๆ ก็คือการที่นางเอก (Charlize Theron) แสดงเป็น Furiosa มาช่วยเหล่า The Brides หรือเหล่าทาสสาวแม่พันธุ์ของดินแดนนรกหนึ่ง ให้รอดพ้นจากเงื้อมมือของ Immortan Joe(Hugh Keays-Byrne) และสมุน เพื่อไปหาที่ที่ใหม่ ที่ดีกว่า ท่ามกลางโลกที่ล่มสลาย ที่ต่างคนต่างคลั่งแย่งชิงน้ำมัน น้ำที่มีอยู่ ซึ่ง Furiosa ก็ได้รับความช่วยเหลือจาก Max (Tom Hardy) จากปฏิบัติการกระตุกหนวดยักษ์นี้

 

กว่า 70-80% ของเรื่องคือฉากการขับรถไล่ล่าอย่างต่อเนื่องของกองทัพ Immortan Joe ไล่ล่ากับแก้งค์ Max/Furiosa เพื่อชิงตัว The Brides กลับมา สำหรับบทพูด dialog หนังเรื่องนี้จะมีไม่มาก เพราะหนังจะเน้นการเล่าเรื่องด้วยภาพ เล่าเรื่องด้วยเหตุการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้น และผมคิดว่านี่คือหัวใจสำคัญของหนังแอ็คชั่นไม่ใช่ฤา? หนังแอ็คชั่นที่ควรตอบใจทย์ของการขับเคลื่อนอารมณ์โดยไม่ต้องมีบทพูดมากมาย แค่สิ่งที่เห็นตรงหน้าแล้วให้คนดูอ้าปากค้างได้ และลุ้นระทึกไปกับหนัง มันก็ยอดเยี่ยมสำหรับหนังแอ็คชั่นแล้ว และ Mad Max ทำจุดนี้ได้อย่างดีมาก ถึงแม้หนังเรื่องนี้จะไม่เน้นเรื่องการดำเนินเรื่อง แต่ตัวร้ายนับว่าน่ากลัว น่าเกรงขาม ไม่กิ๊กก็อกเหมือนหนังบางเรื่องแถวๆนี้ และถึงแม้ plot เรื่องไม่มีอะไรมาก แต่หนังก็ถูกกลบข้อด้อยด้วยการแสดงเข้าขั้นของนักแสดงต่างๆ (Tom Hardy, Charlize Theron, Hugh Keays-Byrne, Nicholas Hoult)

 

สิ่งที่ทำให้อ้าปากค้างจริงๆ คือฉากแอ็คชั่น effect เสียง soundtrack ที่เร้าอารมณ์ได้อย่างดีไปกับเหตุการณ์ เทคนิคการถ่ายทำที่เกิดขึ้น มันช่างอลัง สวยสดงดงามอย่างมาก ด้วยเหตุที่ว่า George Millers ใช้ practical effect หรือ effect ที่เกิดจากการแสดง stunt จริง รถของจริง มีคนแสดงผาดโผนจริง ใช้ CGI เป็นส่วนน้อย และใส่ palette สีจัดๆ มันทำให้ดูแล้วสมจริง และสวยงามมากๆ หลายครั้งที่อดไม่ได้กับการชื่นชมไปกับงานศิลป์ในตัวหนัง พร้อมๆกับลุ้นระทึกไปกับหนังด้วย (ตอนดูก็นึกไปว่าระหว่างที่การถ่ายทำมีคนเสียชีวิตบ้างเปล่าเนี่ย เพราะฉากผาดโผนหลายฉากมันหวาดเสียวมาก)

 

และผมว่านี่คือสิ่งที่ขาดหายไปสำหรับหนังแอ็คชั่นสมัยนี้ ที่คนในวงการหลายคนต่างก็เพลิดเพลินหลงไปกับ CGI ไปเน้นกับการวางพล็อตที่เอาใจ fanbase มากไป จนหลงลืมไปว่าเมื่อก่อนที่รุ่นพ่อรุ่นแม่ดูหนังสนุกกันมันเพราะอะไร หรือที่หนังในตำนานหลายเรื่อง ที่ปัจจุบันนี้หยิบมาดูอีกครั้งมันก็ดูได้สนุกอยู่ George Millers เคยสร้าง Mad Max:Road Warrior ให้เป็นหนังแอ็คชั่นบรมครู ที่หนังหลายเรื่องในสมัยนี้ต่างหยิบมาใช้กัน มาวันนี้ George Millers กลับมาอีกครั้งและมาทำ Mad Max Fury Road เป็นบรรทัดฐานใหม่สำหรับหนังแอ็คชั่นในอนาคต เพื่อมาย้ำเตือนสิ่งที่หนังสมัยนี้ขาดหายไป กลับมาเติมเต็มอีกครั้ง

 

สำหรับข้อสงสัยที่ถามกันบ่อยว่า ถ้าไม่ดู Mad Max มาก่อนเลยจะดูรู้เรื่องไหม? คือผมเคยดูภาค Road Warrior และ Beyond Thunerdome มาก่อน โดยที่ไม่ดูภาคแรกเลย ก็รู้เรื่องนะ และมาตอนนี้มาดู Mad Max : Fury Road ผมแทบไม่มีความรู้สึกถึงความ connection อะไรระหว่างภาคนี้กับภาคก่อนๆเท่าไหร่ ส่วนตัวคิดว่า Fury Road คือ ภาคต่อก็ใช่ หรือ reboot ใหม่ก็ใช่ มันแล้วแต่ที่คนคิดกัน

หรือพูดโดยสรุปจริงๆคือ Mad Max แต่ละภาคเป็นหนังที่เล่าเรื่องจบในภาคเดียว โดยแต่ละภาคก็มีเนื้อเรื่องแต่ละภาคของมันเอง ดังนั้นถ้าไม่เคยดู Mad Max มาก่อน มาดู Fury Road ก็รู้เรื่อง 100% แน่นอน

 

หนึ่งประโยคที่ผมหลุดออกมาระหว่างที่ดู Mad Max:Fury Road “คุณพระ คุณจ้าวว!!! O_O” ใช่ครับ…หนังมันบ้าระห่ำขนาดนั้นจริงๆ

 

 

 

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *