รีวิว Mad Max : Fury Road

รีวิว Mad Max : Fury Road

รีวิว Mad Max : Fury Road

รีวิวหนังใหม่ ภาพยนตร์เรื่อง “Mad Max” ไม่เพียงทำให้เมล กิ๊บสันเป็นดาราเท่านั้น แต่ยังเปลี่ยนความบันเทิงหลังวันสิ้นโลกไปอย่างสิ้นเชิงด้วยการแสดงผาดโผนที่เกี่ยวกับอวัยวะภายในและวิสัยทัศน์เฉพาะตัวของอนาคตที่สิ้นหวังมากขึ้นเรื่อยๆ สามทศวรรษหลังจากภาพยนตร์เรื่องที่แล้ว “Mad Max Beyond Thunderdome” ที่มักจะร้ายกาจ ในที่สุดมิลเลอร์ก็กลับมาสู่ภูมิประเทศที่รกร้างนี้อีกครั้งสำหรับ “Mad Max: Fury Road” ที่หลายคนตั้งตารอคอย ซึ่งกลับมารับบทเป็นทอม ฮาร์ดี้และทอม ฮาร์ดี เพิ่มเดิมพันด้วยคำมั่นสัญญาของการทำร้ายร่างกายในระดับที่สอดคล้องกับสิ่งที่ผู้ชม CGI สมัยใหม่คาดหวัง ติดตามหนังใหม่ได้ที่ หนังฟรี   หนังใหม่   ดูหนัง  ดูหนังออนไลน์

รีวิว Mad Max : Fury Road

และ Mad Max: Fury Road ของผู้กำกับ จอร์จ มิลเลอร์ (George Miller) คือหนึ่งในหนังประเภทหลังครับ ภาค 4 กึ่งรีบู๊ตของแฟรนไชส์ Mad Max เจ้าของ 6 รางวัลออสการ์เรื่องนี้เป็นหนังที่พูดได้อย่างตรงตัวว่าปัดฝุ่นดู เพราะนอกจากจะเป็นหนังปี ค.ศ.2015 ที่มีเนื้อหาไทม์ไลน์สามารถเชื่อมโยงประเด็นไปยังโลกแห่งความจริงได้ในทุกยุคทุกสมัยไม่ว่าเมื่อไหร่ที่หยิบมาดูแล้ว ยังเป็นหนังที่มีฝุ่นกับทรายเยอะจริงๆ อีกด้วย

ก่อนจะพูดถึงตัวหนังว่าทำไมประเด็นยังน่าสนใจและไม่เคยเก่า ต้องย้อนอดีตถึงที่มาซะหน่อยว่าเดิมทีแล้วหนังเคยแสดงโดยดารารุ่นใหญ่อย่างเมล กิบสัน (Mel Gibson) ถึง 3 ภาคด้วยกัน เกี่ยวกับตำรวจชาวออสเตรเลียในโลก post-apocalyptic และภาค 4 ที่มีชื่อว่า ‘Fury Road’ ก็ถูกวางเนื้อเรื่องเอาไว้แบบเดียวกับเวอร์ชั่น ค.ศ.2015 นี้ เพียงแต่นักแสดงยังคงเป็นเมล และเล่าเรื่องเกี่ยวกับนักรบผู้แก่เฒ่าในโลกที่แทบไม่เหลือเค้าโครงเดิม

รีวิว Mad Max : Fury Road

ต่อมาโปรเจ็กต์หนัง Fury Road ถูกฝังลืมไปพักใหญ่ๆ แถมต้นยุค 2000 ก็ยังมีวิกฤตการเงิน, สงครามอิรัก และข่าวเสียๆ หายๆ ของเมล กิบสันอีก จึงทำให้เขาถูกถอดออกจากโปรเจ็กต์ แล้วฮีธ เลดเจอร์ (Heath Ledger) (Joker ใน The Dark Knight) ถูกเล็งมารับบทแทนในภาครีบู๊ต ส่วนระหว่างนั้นผู้กำกับก็หันไปกำกับหนังเพนกวินน่ารักๆ อย่าง Happy Feet และยังมีข่าวลือว่า เขาเกือบสร้างภาค 4 นี้เป็นหนังอนิเมชั่น CGI, อนิเมะ, มังงะ หรือวิดีโอเกมไปแล้ว

ในท้ายที่สุด หลังจากการเสียชีวิตของฮีธ เลดเจอร์ ผู้กำกับจอร์จ มิลเลอร์ จึงตัดสินใจดึงดาวรุ่งพุ่งแรงที่มีลุคเข้ากับหนังที่มีความดิบเถื่อนดุดันและบทที่ต้องใส่หน้ากากหรือมีอะไรซักอย่างมาบังใบหน้าอย่าง ทอม ฮาร์ดี (Tom Hardy) มารับบทนำ ทำให้หนัง Mad Max: Fury Road เป็นภาค 4 กึ่งรีบู๊ตด้วยนักแสดง รวมถึงตัวโลกของหนังที่เปลี่ยนไปก็ด้วยเช่นกัน

รีวิว Mad Max : Fury Road

“บท Mad Max ถูกเขียนขึ้นจากไอเดียที่ว่า

มนุษย์สามารถทำทุกสิ่งทุกอย่างได้

เพื่อที่จะทำให้ยานพาหนะของของเคลื่อนต่อไปข้างหน้า

และจากการคาดคะเนว่า

การที่แต่ละประเทศไม่ให้ความสำคัญกับพลังงานทางเลือก

เป็นราคาที่ต้องจ่ายที่ผิดมหันต์ขนาดไหน”

Mad Max เป็นหนังที่สร้างมาจากวิกฤตการณ์น้ำมันปี ค.ศ.1973 ที่กระทบทั้งการเมืองและเศรษฐกิจของนานาประเทศ จนมาถึงภาคนี้ จากโลก post-apocalyptic ในไตรภาคเดิม ที่ว่าแย่แล้ว โลกของ Mad Max: Fury Road เป็นอะไรที่หนักและน่ากลัวกว่ามาก

แม้ไม่ได้ระบุวันเวลาและสถานที่ชัดเจน สิ่งนึงที่หนังภาคนี้บอกคือการเซ็ตให้อยู่ในโลก post-apocalyptic wasteland ที่สงครามนิวเคลียร์ได้ทำให้เผ่าพันธุ์มนุษย์ล้มหายตายจากไปจนแทบไม่เหลือ มองไปทางไหนก็มีแต่ฝุ่นแต่ทราย ไร้สิ่งปลูกสร้างที่คุ้นตา แห้งแล้งแบบที่ดูแล้วต้องอยากดื่มน้ำตลอดเวลา และน้ำมันกับยานพาหนะเป็นสิ่งที่สำคัญยิ่งชีพ หรือเยี่ยงชีพ ภายใต้โทนภาพ colorful แม้สภาพแวดล้อมจะดูโหดร้าย การเคลื่อนกล้อง การแสดง และแอ็กชั่นที่สื่อถึงความดิบเถื่อนป่าเถื่อนออกมาได้เข้ากับคอนเซ็ปต์ของหนังเป็นอย่างดี

ในโลกหลังการล่มสลายของ Mad Max: Fury Road พูดถึงโลกอนาคตที่ขาดแคลนและเป็นผลกระทบจากการกระทำของมนุษย์ จึงกลายเป็นว่า ยานพาหนะอย่างรถและรถยนต์ = ชีวิต ที่สำคัญมากๆ อยู่แล้วไม่ว่าจะยุคไหนๆ กลายเป็นสิ่งที่สำคัญกว่าที่เคย และมันยังเป็นการอุปมาอุปมัยที่ดูตลกร้ายว่าการขับรถ ‘ไปข้างหน้า’ ที่ไม่ใช่แค่การขับ ‘ไปด้านหน้า’ อีกต่อไป แต่ยังหมายถึงการที่ใครก็ตามในหนังจะ ‘มีชีวิตอยู่ต่อไปในภายภาคหน้า’ ด้วย เพราะ ณ สถานที่รกร้างแห่งนี้ ใครไม่มีรถ คือรอความตาย

และใครมีรถแต่ไม่มีน้ำมันก็ไม่ต่างอะไรไปกับมุกตลกร้ายกราฟวงกลมสีส้มฟ้า ที่สีส้มบอกว่าการไม่มีรถคือรอความตาย ส่วนการไม่มีน้ำมันคือการรอความตายเหมือนกัน แต่เป็นสีฟ้า

รีวิว Mad Max : Fury Road

รีวิว Mad Max : Fury Road นอกจากนี้พวงมาลัยที่ปรากฏให้เห็นในหนังบ่อยและมีความสำคัญกับหลวงๆช่วงของหนังเอง ก็เป็นสัญลักษณ์ที่สำคัญเช่นกัน เพราะมันใช้ในการบังคับทิศทาง และความสามารถที่จะขับเคลื่อนชีวิตในข้างหน้าหรือทางใดทางหนึ่งได้

นี่คือโลกที่ยี่ห้อรถอย่าง Mercedes-Benz หรือ BMW ไม่ได้สำคัญเท่ากับรถยี่ห้ออะไรก็ได้ที่เอาไปแต่งแล้วขับได้แรงเร็วพอที่จะไล่ล่าหรือหลบหนี

หรือคำถามที่ว่า “วันนี้กินอะไรดี?” ไม่สำคัญเท่ากับคำถามที่ว่า “วันนี้จะมีอะไรกิน?” หรือ “จบไปทำงานอะไร?” “เล่นหุ่นหรือเทรดคริปโตเหรียญไหนดี?” “ช่วงนี้มีหนังซีรีส์อะไรน่าดูบ้าง?” “Kendall Jenner ทาลิปสติกสีอะไร?” “เราควรวางแผนเกษียณเมื่อไหร่?” รวมไปถึงการแพลนวันหยุดสุดสัปดาห์ ถูกแทนที่ด้วยคำถามระยะสั้นกว่านั้นที่ว่า “เราต้องทำอะไรต่อไปเพื่อที่จะมีชีวิตอยู่ต่อในวันพรุ่งนี้?”

หลายๆ อย่างในหนัง Mad Max: Fury Road แสดงให้เห็นถึงความโลกยุคหลังล่มสลายที่ไม่ว่าใครก็ไม่อยากให้เกิดขึ้น เช่นการกลายพันธุ์ของมนุษย์และได้รับผลกระทบจากกัมมันตภาพรังสีของนิวเคลียร์หรือสภาพอากาศที่ทารุณ การที่น้ำดูเป็นสิ่งที่มีค่ากว่าเงินทอง และต้นไม้ ป่าไม้ กับระบบนิเวศสมบูรณ์ๆแบบในหนังสือเรียนชีววิทยาเป็นเสมือนสวรรค์ที่ดูไกลเกินเอื้อมและดูยาก/เป็นเรื่องปรัมปราที่คนที่เกิดมาหรือใช้ชีวิตอยู่ในยุคสมัยนี้จะนึกออก

นอกจากอะไรเหล่านั้น สิ่งที่เกิดขึ้นกับวิวัฒนาการด้านความสัมพันธ์และด้านสังคมระหว่างมนุษย์กับมนุษย์เองก็เป็นอะไรที่น่าสนใจไม่แพ้กัน

หากให้ไล่เรียง จะพบว่ามนุษย์ในอดีตเคยอยู่กันอย่างป่าเถื่อน ใช้แรงเพื่อให้ได้สิ่งที่ปรารถนา มีเสื้อผ้าแค่ปกปิด กินเพื่อมีชีวิตต่อ และใช้สัญชาติญาณดิบนำทาง ซึ่งไม่ต่างกับสัตว์ป่าเท่าไหร่นักที่เน้นการสืบพันธุ์ ล่าเหยื่อ ตุนเก็บ รวมฝูง และเกิดการยอมรับในซักตัวให้เป็นผู้นำ/จ่าฝูง

ทั้งหมดก็เพื่อ ‘เอาตัวรอด’

รีวิว Mad Max : Fury Road ซึ่งต่อมาเราวิวัฒน์มาเป็นสิ่งมีชีวิตที่ใช้สมองมากกว่ากำลัง มีสติปัญญาและองค์ความรู้ มีการวางแผน มีการสร้างสังคม อยู่เป็นกลุ่มก้อนแบบมีแบบแผนกว่าตั้งแต่ครอบครัว กลุ่มแก๊ง ลัทธิ ศาสนา ประเทศ จนพัฒนาไปสู่โลกอุตสาหกรรมและการแข่งขันเพื่อรับใช้ทุนนิยม วัตถุนิยม แฟชั่นนิยม และกระแสนิยม

สิ่งเหล่านี้เป็นเครื่องพิสูจน์ว่าเราเดินทางมาไกลกว่าเดิมมาก เมื่อพิจารณาจากสิ่งที่เพิ่มเติมเป็นความจำเป็นพื้นฐานยุคใหม่ อย่างเสื้อผ้ากระเป๋ารองเท้าแบรนด์เนม รถยนต์ยี่ห้อดัง สเต็กเนื้อวากิว ชานมไข่มุก & บิงซู ข้าวของเฟอร์นิเจอร์ตกแต่งบ้าน การถ่ายรูปเช็กอินลงเฟซบุ๊กอินสตาแกรม การที่ต้องอินเทรนด์ ดูซีรีส์เน็ตฟลิกซ์ และอีกมากมาย

รวมถึงการที่ปัจจุบันเป็นยุคแห่งการแข่งขันสู้รบด้านนวัตกรรม ความก้าวหน้า ความรู้ สมอง และทรัพยากรบุคคล มากกว่าการที่อะไรๆ ก็ใช้อาวุธช่วงชิง ละแก้ปัญหาด้วยกำลังอย่างยุคสมัยก่อนด้วยเช่นกัน นั่นจึงทำให้การสั่งสมอาวุธยุทโธปกรณ์ เรือดำน้ำ รถถัง กับการเพิ่มงบให้กระทรวงกลาโหมจึงไม่ใช่สิ่งที่สำคัญไปกว่าการพัฒนาประเทศและเพิ่มคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่มนุษย์หรือประชาชนประเทศนั้นๆ

MAD MAX: FURY ROAD, Charlize Theron, 2015. ph: Jasin Boland/©Warner Bros. Pictures/courtesy Everett Collection

โลกฝุ่นทราย Mad Max: Fury Road เป็นการวาดภาพจิตนาการอันน่าพรั่นพรึงที่ดึงมนุษย์กลับไปสู่ยุคดั้งเดิมอีกครั้งอย่างน่าสนใจว่า หากโลกไม่เหลืออะไรแล้ว อะไรคือสิ่งที่จำเป็น และแนวโน้มของมนุษย์จะมุ่งดำเนินไปในทิศทางไหน

คำตอบคือเราวิวัฒนาการลงหรือกลับไปไปใกล้กับบรรพบุรุษมากขึ้น เมื่อทุกอย่างโล่งเตียน ทรัพยากรอย่าว่าแต่ใช้อย่างประหยัดแต่แค่หาให้ได้ก็เป็นเรื่องยากเต็มกลืน

นั่นทำให้การใช้ชีวิตบนถนนโลกันต์อันยาวสุดลูกหูลูกตาและไม่รู้วันรู้พรุ่งนี้ ปลุกเอาสัญชาติญาณดิบของมนุษย์ขึ้นมาอีกครั้ง นั่นก็คือ ‘สัญชาติญาณการเอาตัวรอด’ ที่ทำให้เราทำทุกอย่างเพื่อรอดเท่านั้น ข้าวของอาหารน้ำดื่มก็แค่เพื่ออยู่วันต่อวัน ป่าเถื่อนไร้อารยธรรม และ ‘กำลัง’ เป็นสิ่งที่สำคัญ ไม่ว่าจะเป็นกำลังวังชาของคนๆหนึ่งเอง กำลังแรงม้าของรถ หรือกำลัง (muscle) ในแบบของกองกำลัง ที่ยิ่งมีจำนวนมาก ยิ่งแสดงถึงอำนาจ และโอกาสในการมีชีวิตรอดที่สูงขึ้น

ในขณะที่คนที่เป็นหมาป่าเดียวดาย (lone wolf) อยู่ยากและอัตรารอดค่อนข้างจะต่ำเตี้ยเรี่ยดิน

และการใช้ชีวิตบนโลกใบนี้ ไม่มีทางรู้เลยว่าใครดีใครไม่ดี เพราะทุกคนมีโอกาสจะทำทุกอย่างเพื่อให้ตัวเองมีชีวิตต่อกันหมด ไว้ใจใครไม่ได้ น่าหวาดระแวง กลัวตาย ซึ่งนั่นทำให้เกิดวงจรที่การไว้ใจใครง่ายๆ อาจนำมาสู่จุดจบชีวิต และการเว้นช่วงหรือไม่ลงมือฆ่าก่อนแม้ยังไม่รู้จักคนคนนั้นดีพอ ก็อาจเป็นเราที่ตายแทนได้ตลอดเวลา ยิ่งเป็นการเล่าในโลกที่โล่งๆ ด้วยแล้ว ยิ่งน่ากลัวไปอีก เพราะไม่มีที่หลบใดใด และตกเป็นเป้าสายตาง่าย จนไม่ผิดนักถ้าจะบอกว่าการใช้ชีวิตในโลกของหนังเรื่องนี้คือนรกบนดินที่จะทำลายทั้งร่างกายและจิตวิญญาณจนเหลวแหลก

ติดตามหนังใหม่ได้ที่ ดูหนังฟรี   ดูหนังออนไลน์   ดูหนัง

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *