รีวิว Mank

รีวิว Mank

รีวิว Mank

รีวิว Mank ที่มา

ก่อนหน้าการถ่ายทำ เมสเซอร์ชมิดต์ ใช้เวลาหลายสัปดาห์ขลุกอยู่กับงานภาพจากยุค 1930-1940 เพื่อใช้อ้างอิงในการถ่ายภาพยนตร์ “ผมรวบรวมเอางานภาพถ่ายและรูปวาดไปให้เดวิด เป็นงานภาพขาวดำจำนวนมาก ไม่ได้มีเนื้อหาอะไร แต่เป็นภาพที่บอกเขาว่า ‘สำหรับผมแล้ว รูปพวกนี้แหละเล่าเกี่ยวกับหนัง’ แล้วมันมีประมาณสัก 300 รูปได้ละมั้ง ผมส่งไปให้เดวิดทั้งหมดเลย” เมสเซอร์ชมิดต์เล่า “ สักพักเขาก็มาหาผม ปรึกษาว่า ‘ผมชอบงานพวกนี้มาก แบบภาพนี้ไม่เอานะ เอาแบบภาพนี้ดีกว่า เราจะขยายไอเดียพวกนี้ต่อไปยังไง หรือถ้าเอาแบบนี้มาใช้ในฉากนี้มันต้องน่าสนใจแน่ๆ เลย ’ดูหนังออนไลน์

รีวิว Mank

“ อันที่จริงการถ่ายหนังขาวดำ มันล่อตาล่อใจ ผมมาแต่แรกอยู่แล้ว และ ผมก็กังวลหน่อย ๆ ว่าอาจจะหมกมุ่น กับเรื่องการออกแบบแสงอย่างหนัก เพราะรู้สึกว่าตัวเอง ทำได้ จนกลัวว่าบางทีอาจทำให้คนดูหลุดออก ไปจากสิ่งที่เราอยากสื่อสาร หรือไม่มันก็อาจจะดึงความสนใจของผู้คนไปจากเรื่องที่เรากำลังเล่า ซึ่งพอเป็นแบบนี้ผมก็คงต้องหาทางอธิบาย ให้คนดูรับรู้ถึงเรื่องแสงผ่านงานเสียจนทั้งหมด นี้กลายเป็นตัวหนังทั้งเรื่องไป และนี่แหละที่ผมกังวลมากที่สุด ”ดูหนังฟรี

เมสเซอร์ชมิดต์อธิบายคร่าวๆ ว่า สำหรับงานภาพสีนั้นผู้กำกับภาพมักจะใช้สีที่แตกต่างกันเพื่อบอกระยะความลึกของภาพ (colour separation) ซึ่งเป็นเทคนิคที่ใช้ในการกำกับภาพขาวดำไม่ได้ “คุณต้องใช้แค่แสงเงาและความเข้มของแสงเท่านั้น แล้วยังต้องอาศัยการใช้สีในฉากด้วย มันจึงไม่ใช่แค่เครื่องแต่งกายหรือองค์ประกอบฉากเท่านั้นแต่ยังรวมถึงสีสันต่างๆ ซึ่งทั้ง ทริช ซัมเมอร์วิลล์ (คอสตูม ดีไซเนอร์ -ชิงออสการ์สาขาเครื่องแต่งกายยอดเยี่ยม ), ดอน เบิร์ต (โปรดักชั่น ดีไซเนอร์ -คว้าออสการ์สาขาโปรดักชั่นดีไซน์) แล้วก็ผมทดลองเรื่องสีพวกนี้กันหัวแทบแตกเลยล่ะ”รีวิวหนังใหม่

Mank 2020 ( แมงค์ ) ภาพยนตร์ขาวดำ ที่เต็มไปด้วยลูกเล่น แพรวพราว ย้อนกลับไปในอดีตสักช่วง ประมาณยุคก่อนสงครามโลกมาจนถึงช่วงยุค 70 ไม่ว่าจะเป็นสื่อทางโทรทัศน์หรือโรงภาพยนตร์นั้นต่างก็ล้วน แล้ว แต่เป็นสื่อที่นำเสนอออกมา ในงานภาพแบบขาวดำ เพราะในอดีตนั้นฟิล์มที่ใช้ถ่ายรูป และ วีดีโอสามารถบันทึกภาพออกมาได้ในแบบ 2 สีเท่านั้น กว่าที่เราจะได้เห็นงานผ้าสีสันสดใสแบบในปัจจุบัน ต้องรอ เทคโนโลยีพัฒนาเป็นเวลาหลายสิบปี

แต่อย่างไรก็ตามภาพยนตร์ ขาวดำ นั้นแม้ว่าจะไม่มีสีสันให้เรา ได้มองแต่มันก็เต็มไปด้วยเสน่ห์ ที่หาไม่ได้จากภาพยนตร์ ในยุคปัจจุบันเช่นเดียวกัน แต่น่าเสียดาย ที่ด้วยเทคโนโลยีในยุคนั้น ทำให้การถ่ายทำ ออกมางานภาพไม่ได้มีความคมชัดอะไรมากมาย ดังนั้น การจะทำภาพยนตร์ขาวดำในยุคปัจจุบัน อย่างไรก็ออกมาดีกว่าในอดีตอย่างแน่นอน เพราะอย่างน้อยก็มีภาพที่คมชัดมากขึ้น

แต่ในเมื่อเราสามารถ นำเสนอ งานภาพแบบหลายล้านเฉดสี ได้เหตุใด เราจะต้องมาสร้างภาพยนตร์ที่มีเพียงแค่ 2 เฉดสีเท่านั้น แต่ภาพยนตร์บน netflix เรื่อง Mank กระเบื้องที่จะนำเสนอออกมาในรูปแบบของ ภาพยนตร์ขาวดำ เล่าถึงเรื่องราวของผู้เขียนบทระดับตำนานที่เคยเขียนบทให้กับภาพยนตร์เรื่อง Citizen Kane ภาพยนตร์ในยุค 40 ที่มีชื่อเสียงโด่งดังและได้รับการขนานนามว่าเป็นภาพยนตร์ที่มีบทยอดเยี่ยมที่สุดเรื่องหนึ่งของโลก

เราจะได้เห็นหนทางชีวิตของเขาว่าเป็นอย่างไรจึงสามารถก้าวขึ้นสู่การเป็นนักเขียน บทภาพยนตร์ ที่ได้รับการขนานนามจนเป็นตำนานมาถึงทุกวันนี้ได้ โดยจะเล่าเรื่องราวเจาะลึกไปในช่วงเวลาที่เขาประพันธ์บทภาพยนตร์เรื่องนี้ โดยเฉพาะ การเล่าเรื่องราวย้อนกลับไปในยุค 40 จึงเป็นสิ่งที่เหมาะสมสำหรับการใช้งานภาพขาวดำ

เรื่องราวในภาพยนตร์เรื่อง Mank

รีวิว Mank

Mank เป็นภาพยนตร์ที่เล่าเรื่องราวของแมนเควิซ ชายผู้เป็นที่รู้จักกันดีในชื่อเล่นอย่างแมงค์ ในช่วงยุค 40 นั้นเขาเริ่มเป็นที่รู้จักในฐานะของคนเขียนบท ภาพยนตร์ที่มีชื่อเสียงในวงการฮอลลีวูด ประกอบกับ อยู่ในช่วยุครุ่งเรืองของฮอลลีวูดทำให้เขานั้นยิ่งได้รับความสนใจมากขึ้นไปอีก

เดิมทีเขาทำงานเป็นนักเขียนบทละครในนิวยอร์กก่อนที่จะข้ามน้ำข้ามทะเลมายังฮอลลีวูด เพื่อก้าวเข้าสู่การเป็นนักประพันธ์บทภาพยนตร์ ไม่เพียงเท่านั้นเขายังทำการเชื้อเชิญเพื่อนนักเขียนบทละครที่อาศัยอยู่ทางตะวันออกที่เดินทางมาทำงานในฝั่งตะวันตกมากยิ่งขึ้น

ประโยคใน โทรเลขที่เขา ใช้เชิญชวน นักเขียนจากบ้านเกิด ให้เดินทางมาที่ Hollywood นั้นยังได้รับความสนใจมาจนถึงทุกวันนี้ โดยเขากล่าวเอาไว้ว่าเงินนับล้านกำลังรอให้เราก้าวเข้าไปเอาในสถานที่แห่งนี้ และคู่แข่งเดียวที่เราจะต้องพบเจอก็คือคนโง่ แสดงให้เห็นว่าเขานั้นมองว่านักเขียนบทในอุตสาหกรรมภาพยนตร์ฝั่งตะวันตกนั้นเต็มไปด้วยนักเขียนที่ไร้ศิลปะและไม่มีคุณภาพ เป็นศิลปินที่ต้องการจะเล่าเรื่องออกมาเพื่อตอบสนองความต้องการด้านความบันเทิงของผู้รับชมโดยที่ไม่มีอะไรลึกซึ้ง

ต่างจากนักเขียนมือทองจากฝั่งตะวันออกที่เต็มไปด้วยศิลปะ และ ความคมคายในการประพันธ์ การเดินทางมายังฝั่งตะวันตกจะทำให้พวกเขาสามารถกอบโกยผลประโยชน์ได้เป็นจำนวนมากโดยที่ไม่ต้องพยายามอะไรมากมาย แต่แล้วในวันหนึ่งเขาก็ประสบอุบัติเหตุจนทำให้ขาหัก เขาจึงได้ตัดสินใจที่จะเดินทางไปยังกลางทะเลทรายที่มีบ้านพักอยู่เพื่อพักผ่อนและทำการเขียนบทภาพยนตร์ในตำนานอย่าง Citizen Kane ภาพยนตร์ที่ได้ผู้กำกับมากฝีมืออย่างออร์สันมาคอยควบคุม ก่อนที่พวกเขานั้นจะสร้างให้ภาพยนตร์เรื่องนี้กลายเป็นตำนานในเวลาต่อมา

รีวิว Mank

Mank ภาพยนตร์ netflix ที่สามารถคว้ารางวัลออสการ์ได้

 

Mank เป็นภาพยนตร์ขาวดำแถมยังลงให้กับ Platform อย่าง netflix ไม่ได้มีการฉายบนโรงภาพยนตร์เหมือนกับภาพยนตร์ใหญ่เรื่องอื่นตามปกติ แต่ด้วยความยอดเยี่ยมของมันก็ทำให้มันสามารถมีรายชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์หลายสาขาและยังสามารถรับรางวัลการออกแบบการผลิตยอดเยี่ยมได้สำเร็จอีกด้วย ภาพยนตร์เรื่องนี้จึงได้แสดงให้เห็นว่าไม่จำเป็นที่จะต้องเป็นภาพยนตร์ตลาดที่มีชื่อเสียงโด่งดังถึงจะสามารถคว้ารางวัลอันทรงเกียรติได้

ภาพยนตร์เรื่องนี้ได้พาให้เราเข้าไปรับชมการทำงานใน Hollywood ช่วงยุค 40 อย่างน่าตื่นตาตื่นใจ โดยเฉพาะการที่เราจะได้รับชมเบื้องหลังการถ่ายทำของค่ายผู้สร้างภาพยนตร์ชื่อดังอย่างพาราเมาท์และ mgm ยิ่งทำให้ภาพยนตร์เรื่องนี้มากสนใจมากขึ้นไปอีก

รีวิวMank

เราจะได้เห็นความกล้าบ้าบิ่นของตัวละครเอกที่พร้อมจะแวะขนบธรรมเนียมวิธีการทำงานของชาว Hollywood ในฝั่งตะวันตกเพื่อให้ได้ผลงานที่ยอดเยี่ยม การออกนอกกรอบของเขาทำให้เขากลายเป็นที่รู้จักในฐานะของนักเขียนบทในตำนานที่สร้างผลงานที่ดีที่สุดในฮอลลีวูดอีกหนึ่งเรื่องได้สำเร็จ แม้ว่าจะมีผู้คนมากมายมองว่าความสำเร็จดังกล่าวนี้ควรจะยกให้เป็นผลงานของผู้กำกับอย่างออร์สัน แต่หากมองอย่างเป็นกลางภาพยนตร์เรื่องนี้จะไม่สำเร็จเลยและไม่มีวันได้กลายเป็นตำนานหากทั้งสองคนไม่ร่วมมือกัน

แต่น่าเสียดายที่ภาพยนตร์เรื่องนี้ไม่ได้บอกเล่าถึงข้อขัดแย้งดังกล่าวมากมายนัก เพราะบทพยายามที่จะเล่าเรื่องราวของแมนเควิซมากกว่าจนทำให้เรานั้นแทบจะไม่ได้เห็นผู้กำกับยอดฝีมือในเรื่องนี้ แต่อย่างไรก็ตามเรานั้นจะได้เห็นเบื้องลึกเบื้องหลังในอุตสาหกรรมภาพยนตร์ที่มีการตีแผ่ความจริงและเสียดสีผู้มีอำนาจเล็กๆ ซึ่งสามารถมอบความสนุกสนานให้กับผู้รับชมและยังสามารถนำเอาไปตีความต่อได้อีกด้วย

สิ่งที่ประหลาดใจอย่างยิ่งประการแรกคือผู้กำกับอย่าง เดวิด ฟินเชอร์ ผู้กำกับที่เดิมทีจะเอาเทคนิคภาพและสเปเชียลเอฟเฟกต์มานำเนื้อหากลับ Back to basic จนน่าตกใจตั้งแต่การนำภาพขาวดำมาใช้นำเสนอเรื่องราวและการมิกซ์เสียงเป็น MONO ประหนึ่งอยากให้มันได้ฟีลแบบเดียวกับตอนหนัง Citizen Kane ออกฉายปี 1941 แต่เหนืออื่นใดคือมันให้ภาพของอดีตอันมืดมัวในยุคที่อเมริกาประสบปัญหาเศรษฐกิจซบเซาและผลพวงจากสงครามโลกครั้งที่ 2 และความหวาดกลัวคอมมิวนิสต์ได้อย่างเห็นภาพ

รีวิวMank

แต่นอกจากงานกำกับและความเป๊ะของฟินเชอร์ผู้กำกับแล้วด้านบทภาพยนตร์ของฟินเชอร์ผู้พ่ออย่าง แจ๊ค ฟินเชอร์ แม้จะไม่มีข้อมูลว่าบทหนังเรื่องนี้ที่เขียนไว้ก่อนจะเสียชีวิตปี 2003 ได้ถูกปรับแก้ไปสักกี่มากน้อย แต่ต้องบอกว่ามันสามารถจับอารมณ์ร่วมของยุคสมัยและคงไม่เกินเลยหากมันจะเป็นเหมือนมรดกที่เขาทิ้งให้ลูกได้หยิบมาสานต่อเป็นหนังเรื่องนี้และเป็นการส่งผ่านเรื่องราวของยุครุ่งเรืองของสตูดิโอ The Big 5 ( Warner , MGM , RKO, 20Th Century Fox , United Artist ) ให้นักดูหนังรุ่นใหม่ได้เรียนรู้อีกด้วย

ว่าถึงความพิเศษของบทหนังโดยแจ๊ค ฟินเชอร์ที่สำคัญที่สุดและสังเกตโดยเทียบกับงานของฟินเชอร์ผู้ลูกคือการสร้างมิติด้านอารมณ์ให้ตัวละครหลักอย่าง แมงค์ ซึ่งแม้ที่ผ่านมาตัวเอกในหนังฟินเชอร์จะน่าจดจำทุกตัวแต่ก็มักถูกมองว่ามันขาดมิติอารมณ์ที่ดูเป็นมนุษย์ แต่สำหรับ MANK มันคือข้อยกเว้นที่สวยงามมากทีเดียวและกล้าพูดได้ว่ายิ่งเราดูหนังเราจะยิ่งอยากรู้จักและโอบกอดเขามากที่สุดในบรรดาหนังของฟินเชอร์ทั้งหมดเลยทีเดียว

ด้วยเหตุผลสำคัญที่สุดคือแม้โครงหลักของมันจะกล่าวถึงการเขียนบทหนัง Citizen Kane แต่เป็นบรรดาฉากแฟลชแบ็กต่างหากที่มันพาเราไปร่วมประสบการณ์ที่ค่อย ๆ บ่อนทำลายความเชื่อมั่นในวงการบันเทิงของแมงค์ได้อย่างเห็นภาพที่สุดทั้งความฟอนเฟะเรื่องชู้สาวระหว่างดารากับบรรดาบิ๊กของสตูดิโอสร้างหนังรวมไปถึงการใช้สื่ออย่างภาพยนตร์ในการบ่อนทำลายคู่แข่งทางการเมืองของนักการเมืองที่เอื้อผลประโยชน์ให้ตนเอง

ซึ่งประเด็นที่มันถูกบอกไว้รายทางนี่เองเลยทำให้ Mank เป็นมากกว่าหนังของคนเขียนบท Citizen Kane แต่ยังเป็นบทบันทึกประวัติศาสตร์ภาพยนตร์ฮอลลีวูดย่อม ๆ และทำให้เห็นว่าไม่ว่ายุคสมัยไหนฮอลลีวูดก็หนีการเมืองไม่พ้น ที่สำคัญการเลือกเหตุการณ์ที่เกี่ยวพันกับทั้งผู้บริหารสตูดิโอและดาราดังในยุค Hollywood Classic ยังทำให้เราได้รู้จักระบบและการเมืองในสตูดิโอได้เป็นอย่างดีที่สำคัญมันยังถูกนำเสนอได้อย่างมีสีสันและดูสนุกได้อย่างไม่น่าเชื่ออีกด้วย

ซึ่งนอกจากองค์ ประกอบด้านบท งานกำกับ และ เทคนิคแล้วต้องบอกว่า Mank มีการแสดงระดับที่น่าปรบมือ จากแทบทุกคนตั้งแต่ แกรี โอลด์แมนที่สามารถรับบทแมงค์นักเขียนบท ที่ต้องสู้กับปัญหาติดสุรา และ ไฟในการเขียนบทที่เริ่มมอด ได้อย่างถึงบทบาทรวมไปถึงซีนที่เขาขอร้องให้ผู้บริหารสตูดิโอ ถอดหนังที่เมกขึ้นเพื่อโจมตีผู้สมัครจากพรรคสังคมนิยม ก็ทำให้เห็นว่าชายคนหนึ่งพร้อมจะอยู่ข้างความถูกต้องแม้ตัวเองแทบ ไม่มีแต้มต่อใด ๆ ก็ตามโอลด์แมนก็ให้การแสดง ได้อย่างยอดเยี่ยม

นอกจากนี้หนังยังได้ นักแสดง สมทบทั้งลิลลี คอลลินส์ในบทริตา อเล็กซานเดอร์ เสมียนผู้ช่วยของแมงค์ และ อแมนดา ไซเฟร็ด ในบทแมเรียน เดวีส์นักแสดงสาวที่เกี่ยวพันกับผู้มีอิทธิพลในวงการภาพยนตร์ซึ่งทั้งคู่ก็ช่วยฉายเสน่ห์ให้หนังที่อุดมด้วยชายหนุ่มมีอะไรสวย ๆ งาม ๆ น่ามองบ้างและช่วยเพิ่มอารมณ์ด้านอ่อนโยนให้ตัวละครแมงค์ได้เป็นอย่

จุดเด่น

บทหนังพาเราตาม แมงค์ ไปรู้จักกับวงการฮอลลีวูดยุคสตูดิโอรุ่งเรืองได้อย่างมีสีสัน

แกรี โอลด์แมน รับบทแมงค์ได้อย่างยอดเยี่ยม

เป็นหนังเดวิด ฟินเชอร์ที่ตัวละครมีด้านอ่อนโยนและน่าเอาใจช่วยที่สุดตัวหนึ่ง

หนังสนุกอย่างไม่น่าเชื่อแม้จะขับเคลื่อนด้วยบทสนทนาเป็นหลัก

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *