รีวิว Operation Mincemeat
รีวิว Operation Mincemeat เรื่องย่อ
เมื่อในสงคราม ” ข้อมูล ” คือสิ่งสำคัญที่มีชัยเหนือกว่ายุทธการรบ เพียงแค่บิดเบือนหรือหลอกล่ออีกฝ่ายให้หลงกล ก็อาจนำไปสู่ผลลัพธ์ของการเป็นผู้ชนะได้อย่างไม่ยากเย็น ทำให้งานนี้ทางกองทัพอังกฤษจึงต้องพลิกวิกฤตภายใต้สถานการณ์ที่กำลังคุกรุ่นให้เป็นโอกาส โดยการวางแผนที่ได้แรงบันดาลใจมาจากข้อมูลรั่วไหล ซึ่งหลุดไปยังฝั่งศัตรูจากศพของทหารที่มีข้อมูลการรบติดตัวอยู่ พวกเขาจึงผุดความคิดสร้าง “ศพทหาร” ที่ตายขึ้นมา เพื่อส่งข่าวปลอมที่อาจจะรักษาชีวิตของทหารอังกฤษกว่า 1 แสนนายและประชาชนทั้งประเทศให้รอดพ้นจากสงครามอันโหดร้ายนี้ดูหนังออนไลน์ ดูหนังฟรี
1) เริ่มปฏิบัติการลวงโลกรีวิวหนังใหม่
เมื่อได้ศพที่ต้องการแล้ว ทางกองทัพก็เริ่มดำเนินการตามแผน “Operation Mincemeat” ในทันที โดยพวกเขาได้ทำการปลอมตัวศพเป็น “พันตรี วิลเลี่ยม มาร์ติน” ซึ่งถูกตั้งขึ้นให้มีจุดเด่นที่ชื่อโหลๆ และช่วยทำให้การยืนยันตัวเป็นเรื่องยาก ก่อนที่เจ้าหน้าที่หน่วยข่าวกรองของกองทัพจะช่วยกันทำประวัติปลอมๆ ให้กับทหารคนนี้ รวมทั้งยังคำนึงลึกไปถึงรายละเอียดอย่างการใส่ภาพภรรยาไปในกระเป๋าผู้ตาย และใช้วิทยุสื่อสารของกองทัพที่พูดถึงตัวตนของพันตรีมาร์ติน ในขณะที่ศพของตัวทหารถูกส่งตัวข้ามน้ำแบบลับๆ ไปยังสเปนแล้วเรียบร้อย
2) จับมือกับประเทศที่เป็นกลาง
เหตุผลที่ทางกองทัพอังกฤษเลือกสเปนเป็นสถานที่ปฏิบัติการแทนที่จะเป็นสถานที่อื่นซึ่งศัตรูจะพบศพได้ง่ายกว่านั้น มาจากความพยายามที่จะซ่อนแผนการของพวกเขาให้ได้เนียนที่สุด ดังนั้นแทนที่จะนำศพไปทิ้งตามสนามรบ การเอาศพไปทิ้งในประเทศที่มีสถานะทางสงครามที่เป็นกลางแต่ก็มีสายของนาซีอยู่เยอะจึงเป็นอะไรที่ดีกว่า และก็แน่นอนว่าประเทศดังกล่าวก็คือ “สเปน” อีกทั้งพวกเขาก็ยังสามารถเล่นละครติดต่อกับทางกองทัพสเปนให้ส่งตัวทหารที่ตายกลับอังกฤษในทันที โดยที่ไม่มีการเปิดดูเอกสารใดๆ ของผู้ตาย ภายใต้ความหวังว่าเอกสารที่ว่านี้จะถูกเปิดอ่านโดยเจ้าแมวอยากรู้อยากเห็นที่ทำงานให้ทางนาซีนั่นเอง
3) แผนลวงสมบูรณ์แบบ
ทันทีที่ศพถูกส่งกลับมา ทางเจ้าหน้าที่หน่วยข่าวกรองอังกฤษก็ถึงกับยิ้มกว้างทันที เพราะซองเอกสารที่พวกเอาดัดแปลงมาเป็นพิเศษมีร่องรอยการถูกเปิดให้เห็นอย่างชัดเจน ซึ่งเป็นสัญญาณอันดีว่ามีคนแอบถ่ายภาพข้างในไปแล้ว ดังนั้นสิ่งที่พวกเขาต้องทำก็มีเพียงแค่ภาวนาให้ข่าวในเอกสารถูกส่งไปถึงกองทัพเยอรมัน โดยเฉพาะ “อดอล์ฟ ฮิตเลอร์” ก็เท่านั้น แต่นับว่าเป็นโชคดีของเจ้าหน้าที่หน่วยข่าวกรองที่ดูเหมือนว่าพวกเขาจะไม่ต้องภาวนารอเอกสารดังกล่าวนานนัก เพราะในช่วงเวลาเดียวกับที่พวกเขาปฏิบัติการอยู่ การถอดรหัสเครื่องอีนิกม่าก็ทำให้พวกเขาทราบว่า ทางนาซีมีการย้ายกองกำลังร่วม 90,000 นายเกิดขึ้นแล้ว และเป้าหมายของทหารเหล่านั้นก็คือ “กรีซ” สถานที่ที่พวกเขาคาดหวังไว้ได้อย่างตรงเป้าร้อยเปอร์เซ็นต์เต็ม และถือว่าแผนการ “Operation Mincemeat” นั้นเสร็จสิ้นโดยสมบูรณ์แบบอย่างแท้จริง
Operation Mincemeat ของผู้กำกับ John Madden (ผู้เข้าชิงออสการ์จาก Shakespeare in Love และ Miss Sloane) เป็นภาพยนตร์พาย้อนรอยยุทธศาสตร์ลับสุดยอด สร้างจากเรื่องจริงและบุคคลจริงในประวัติศาสตร์ “สงครามโลกครั้งที่ 2″ ซึ่งเป็นหนึ่งในเหตุการณ์ที่ขึ้นชื่อที่สุดในหน้าประวัติศาสตร์โลก เพราะเป็นมหาสงครามที่มีผู้เสียชีวิตมากที่สุด ทั้งทหาร พลเรือน และชาวยิวจากการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ของฮิตเลอร์ โดยเนื้อเรื่องดัดแปลงจากหนังสือชื่อเดียวกันของ Ben Macintyre อีกทีหนึ่ง
ถึงแม้หลายคนจะรู้จักคุ้นเคยกับสงครามโลกครั้งที่ 2 และนาซีกันเป็นอย่างดี แต่น้อยคนนักที่จะรู้จัก “Operation Mincemeat“ ของหน่วยสืบราชการลับอังกฤษ “MI5” ซึ่งเป้าหมายของปฏิบัติการคือ การส่งมอบข้อมูลเท็จเกี่ยวกับแผนโจมตีไปยังนาซีว่า ฝ่ายสัมพันธมิตร (Allies) จะโจมตีกรีซ ไม่ใช่ซิซิลี หลอกล่อให้นาซีย้ายกองกำลังร่วมกว่า 90,000 นายไปวางกำลังที่กรีซแทน โดยได้ไอเดียมาจากกรณีศึกษาในอดีต ศพทหารมักมีข้อมูลการรบหรือข้อมูลลับติดตัวอยู่ ทำให้มักเกิดข้อมูลหลุดไปยังฝั่งศัตรูนั่นเอง
Ewen Montagu (Colin Firth จาก Kingsman, The King’s Speech ฯลฯ) กับ Charles Cholmondeley (Matthew Macfadyen จาก Succession, Pride & Prejudice ฯลฯ) แห่ง MI5 พร้อมทีมงาน ได้แก่ เลขาฯ Hester Leggett (Penelope Wilton จาก Downton Abbey), เสมียน Jean Leslie (Kelly Macdonald จาก No Country for Old Men), และ Ian Fleming (Johnny Flynn จาก Emma.) ฯลฯ ร่วมวางแผนและทำการปลอมตัว “ศพพลเรือนไร้ญาติ” เป็นนายทหาร William Martin ซึ่งเป็นชื่อโหล ยากแก่การยืนยันตัวตน แนบข่าวปลอม พร้อมทำประวัติปลอมรวมถึงรายละเอียดปลอม ๆ (หรือความเป็นมนุษย์) ให้กับนายทหารคนนี้ เช่น การยืมรูปสมัยยังสาวของเสมียนมาใช้ปลอมเป็นภาพคนรักติดไปกับศพ ก่อนจะนำศพไปทิ้งลอยน้ำใกล้ชายฝั่งสเปน ซึ่งเป็นประเทศที่มีสถานะทางสงครามเป็นกลาง แต่ในขณะเดียวกันก็แอบมีสายของนาซีแฝงอยู่เยอะ
ปฏิบัติการนี้สามารถช่วยรักษาชีวิตของทหารอังกฤษกว่า 1 แสนนายได้สำเร็จ และนำไปสู่ชัยชนะใน “Operation Husky” หรือแผนการรุกรานเกาะซิซิลีของฝ่ายสัมพันธมิตร ในปี 1943 ต่อมา ปฏิบัติการนี้ยังได้รับการยกย่องให้เป็นหนึ่งในสุดยอดแผนลวงโลก เพราะศพปลอมเพียงศพเดียวสามารถหลอกทหารนาซีทั้งกองทัพ!
อย่างไรก็ดี ถึงแม้ Operation Mincemeat จะสร้างจากแผนลับลวงโลกสุดเหลือเชื่อท่ามกลางมหาสงครามที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์โลก อีกทั้งยังนำโดยกองทัพนักแสดงมากฝีมือ แต่หนังก็ไม่ได้ชวนตื่นเต้นไปกับแผนการสักเท่าไหร่ ส่วนหนึ่งอาจเพราะหนังเต็มไปด้วยตัวละครและ subplot มากมาย ทั้งที่จำเป็นและไม่จำเป็น เช่น รักหลายเส้า, แรงบันดาลใจของ Ian Fleming ผู้ให้กำเนิดนิยายสปายชื่อก้องโลกชุด Jame Bond และร่วมปฏิบัติการนี้ ฯลฯ ซึ่งทำให้ความเข้มข้นและความระทึกของปฏิบัติการถูกลดทอนลงไปอย่างน่าเสียดายในวัตถุดิบ
เกร็ดไฮไลต์ของภาพยนตร์
1) ผลงานสะท้านโลกเรื่องล่าสุดจากผู้กำกับเข้าชิงรางวัลออสการ์ “จอห์น แมดเดน” จาก “Shakespeare in Love” และทีมผู้สร้างภาพยนตร์เจ้าของรางวัลออสการ์แห่ง “The King’s Speech” และ “The Power of the Dog” สู่การจับมือครั้งสำคัญของนักสร้างหนังชั้นนำของโลกเพื่อตีแผ่เกมสงครามที่ฉีกต่างกว่าทุกยุทธศาสตร์การรบจนทั้งโลกต้องทึ่ง! เมื่อความลวงกลายมาเป็นแผนพลิกกระดานศึกจนเหล่าศัตรูต้องปราชัยใน “Operation Mincemeat พลิกแผนรบลวงโลก”
2) สร้างมาจากเรื่องจริงของแผนการอันน่าเหลือเชื่อกับ “ปฏิบัติการที่ศพคนตาย หลอกลวงทหารนาซีทั้งกองทัพ” โดยเป้าหมายของปฏิบัติการนี้ คือการส่งมอบข้อมูลที่เป็นเท็จเกี่ยวกับจุดที่ฝ่ายสัมพันธมิตรต้องการจะโจมตี เพื่อหลอกล่อให้ฝ่ายนาซีวางกำลังผิดจุด ซึ่งเป็นหนึ่งในสุดยอดคำลวงที่เปลี่ยนเกมสงครามโลกของประเทศอังกฤษไปตลอดกาล
3) แถมโด่งดังถึงขนาดที่มันเคยถูกหยิบยกไปใช้เป็นไอเดียให้กับภาพยนตร์ระทึกขวัญคลาสสิกของ “อัลเฟร็ด ฮิตช์ค็อก” มาแล้วใน “North by Northwest” รวมถึงนำมาเล่าเป็นภาพยนตร์เรื่อง “The Man Who Never Was” ที่เข้าฉายเมื่อปี 1956 ด้วย แต่กระนั้นนี่ก็คือครั้งแรกที่คุณจะได้รู้! ได้สัมผัส! ได้เห็นทุกรายละเอียดและทุกขั้นตอนของเบื้องหลังแผนการลวงโลกที่จะถูกเปิดเผยให้เห็นครั้งแรกบนจอภาพยนตร์แบบเต็มตาที่ “Operation Mincemeat พลิกแผนรบลวงโลก” ที่เดียวเท่านั้น
4) โดยเฉพาะ ผู้ได้รับการกล่าวขานว่าเป็นผู้เขียนปฏิบัติการนี้ตัวจริงก็คือ “เอียน เฟลมมิ่ง” ซึ่งเขาเป็น 1 ในสมาชิกคนสำคัญของแผนการ Operation Mincemeat แล้วหลังจากสิ้นสุดสงคราม คนทั้งโลกก็ต่างรู้จักเขาในฐานะนักประพันธ์ผู้ให้กำเนิดตัวละครสายลับอันดับ 1 ของโลกอย่าง “เจมส์ บอนด์ 007″ แถมมีการตั้งข้อสันนิษฐานกันว่าหลายๆ ภารกิจที่ปรากฏอยู่ในนิยายนั้นล้วนอิงมาจากเหตุการณ์จริงที่เฟลมมิ่งได้เข้าไปมีส่วนร่วมและกลายมาเป็นวัตถุดดิบสำคัญในงานเขียนของเขาเกือบทุกเล่มจวบจนวาระสุดท้าย
5) ระดมทีมนักแสดงมากฝีมือของเกาะอังกฤษไว้มากที่สุด นำโดยนักแสดงเจ้าของรางวัลออสการ์ “โคลิน เฟิร์ธ” (Bridget Jones’s Diary, The King’s Speech, Kingsman), “แมทธิว แม็กฟาเดียน” (ซีรีส์ Succession, The Three Musketeers, Pride & Prejudice), “เคลลี่ แม็กโดนัลด์” (Brave, No Country for Old Men), “จอห์นนี่ ฟลินน์” (Clouds of Sils Maria, Emma.), “เพเนโลปี้ วิลตัน” (ซีรีส์ Downton Abbey, The Best Exotic Marigold Hotel) และ “เจสัน ไอแซ็กส์” (ซีรีส์ Sex Education, Harry Potter) มาร่วมผนึกกำลังนำทัพคนจริงอัจฉริยะถ่ายทอดยุทธการเหนือชั้นพลิกเกมสงครามโลกครั้งที่ 2!
6) พร้อมคืนชีพประวัติศาสตร์ให้กลับมามีชีวิต ด้วยฝีมือนักเขียนบทหญิงแกร่ง “มิเชลล์ แอชฟอร์ด” ที่เคยถูกเสนอเข้าชิงรางวัลเอ็มมี่มาแล้วจากมินิซีรีส์แนวสงครามเรื่องเยี่ยมเจ้าของรางวัลเอ็มมี่ประจำปี 2010 อย่าง “The Pacific สมรภูมิวีรบุรุษ”
