รีวิว The Contractor 2022 คนพิฆาตคอนแทรคเตอร์ สุดยอดหนังหรือสุดยอดดราม่า

the contractor 2022 พากย์ไทย อีกหนึ่งภาพยนตร์แอคชั่นสายลับทุนต่ำที่แสดง Wonder Woman, Star Trek และ Hell or Climax นักแสดง Chris Pine ร่วมงานกับ Ben Foster ผู้ซึ่งเคยร่วมงานกับ Hell or Climax, Kiefer Sutherland จาก Jeopardy 24 Hour, It’s in the Mirror และ Eddie Marsan ที่ยังเห็นหน้าเขาอยู่เป็นประจำใน The Gentlemen (2020) ล่มสลาย The Fast and the Furious: Hobbs & Shaw และ Human Wrath

หนังเรื่องนี้มีจุดเด่นมาแต่ไกล สร้างเสร็จตั้งแต่ปี 2019 รอบปฐมทัศน์มีกำหนดฉายในวันที่ 10 ธันวาคม 2021 จากนั้นเลื่อนออกไปเป็นวันที่ 18 มีนาคม 2021 และอีกครั้งเป็นวันที่ 1 เมษายน เนื่องจากผลกระทบระยะยาวของ COVID-19 ไม่เพียงแค่นั้น ผู้จัดจำหน่ายภาพยนตร์ยังได้เปลี่ยนมือ โดยเริ่มแรกทำงานให้กับ STX Films สตูดิโอภาพยนตร์ในจีนแผ่นดินใหญ่ ในที่สุดก็ร่วมมือกับ Paramount ถูกนำมาฉายและขายพร้อมกันให้ชมบน Amazon Prime จากนั้นมาดวลกับ Mobius เดาผลได้ไม่ยาก

สนับสนุนเนื้อหาโดย

เรื่อง ย่อ The Contractor 2022 ผู้รับเหมาเลือก Chris Pine เป็น James Harper ผู้มีประสบการณ์ซึ่งบาดเจ็บสาหัส แต่สามารถเดินได้ แต่ด้วยความเจ็บปวดเขาจึงกินยาเพื่อบรรเทา การตรวจสุขภาพของกองทัพพบว่าเจมส์กำลังใช้ยาต้องห้าม และเขาถูกปลดประจำการ ในฐานะหัวหน้าครอบครัวที่ต้องดูแลลูกๆ และภรรยา ประจวบเหมาะกับที่เจมส์ได้พบกับเจ้านายเก่าของเขา ไมค์ (เบน ฟอสเตอร์) ซึ่งเชิญเจมส์ให้ร่วมทีมกับรัสตี เจนนิงส์ (คีเฟอร์ ซัส) เพื่อนำทีม กลุ่มทหารรับจ้างที่ทำงานร่วมกัน เงินฝากก้อนใหญ่ แต่ต้องเดินทางไปเบอร์ลินเพื่อรับการผ่าตัด. เรื่องราวหลังจากนั้นก็เหมือนเดิม ภารกิจสำเร็จ และเจมส์พบว่าตัวเองเป็นเป้าหมายรายต่อไปที่องค์กรต้องการสังหารและปิดปากเงียบ เขาจึงต้องดิ้นรนเอาชีวิตรอดในต่างแดนและกลับมาแก้แค้นนายจ้าง จนถึงทุกวันนี้เราเห็นพลอตแบบนี้ไม่รู้กี่เรื่องแล้วผู้รับเหมาก็เดินหน้าพลอตแบบนั้นโดยไม่ฉีกของเดิมเลย

ปัญหาเกี่ยวกับเนื้อหาและสคริปต์ต้องชี้นิ้วไปที่ J.P. Davis อดีตพระเอกผันตัวมาเขียนบทแล้วเขียนบทตามสูตรทุกอย่างคาดเดาได้ไม่มีเหนือความคาดหมาย กล่าวอีกนัยหนึ่ง ความเพียงพอ แตกต่างจากสูตรสำเร็จ แต่นั่นไม่ควรสร้างความแตกต่าง ตัวอย่างเช่น ภูมิหลังของตัวละครเอก เจมส์ ฮาร์เปอร์ ไม่มีพื้นฐานมาจากวีรกรรมที่เขาได้ทำในฐานะทหาร เก่งจัง ทำไมเจ็บขาจัง แต่เขากลับเลือกที่จะใช้เวลาช่วงปีแรกๆ

สอนผู้ชมว่าครอบครัวของเจมส์ยากจนข้นแค้นเพียงใด จากนั้นจึงพาไปรู้จักครอบครัวของไมค์ แล้วพาไปพบกับรัสตี้ Mercenary Captain ใช้เวลาทั้งหมด 30 นาที และเมื่อเราเห็นช็อตแรก เรื่องราวก็ถูกเล่าไปแล้วครึ่งหนึ่ง

จากนั้นช่วง 30 นาทีแรกของเรื่องก็บ่งบอกว่าหนังจงใจเน้นไปที่เนื้อหาโครงเรื่องทั้งปัญหาครอบครัวของเจมส์และงานในกองทัพปัญหาการถูกไล่ออกโดยที่ไม่ได้ทำอะไรผิดก็เหมือนถูกหักหลังที่ดินของตัวเอง Bonds of Friends ที่ต่อสู้กัน แต่เราดูไม่จบว่าหนังจะใช้ดราม่ายังไง หรือลองใช้ดูก็ไม่กระทบอารมณ์ผู้ชมแต่อย่างใด

มาดูแอ็คชั่นกันบ้าง มันยังคงมีชีวิตอยู่ถึงมาตรฐานของภาพยนตร์แอ็คชั่นฮอลลีวูด แต่ไม่มีคำใบ้อะไรที่น่าจดจำ หรือชวนจิกเท้าจิกหัวทุกฉากก็ไม่ฮาเท่าห้องโดยสารระเบิดกลางภูเขา แม้ว่าภาพยนตร์เรื่องนี้จะใช้งบประมาณ 50 ล้านเหรียญพอสมควร

ผู้เขียนบทชอบวิธีที่บทแสดงให้เจมส์ ฮาร์เปอร์เป็นฮีโร่พิการ การมองเหมือนคนปกตินั้นแตกต่างจากฮีโร่หนังแอคชั่นทั่วไปที่เกือบจะเป็นซูเปอร์ฮีโร่ เจมส์เดินโขยกเขยก ฉันต้องฉีดยาแก้ปวดอย่างต่อเนื่อง แต่มันก็ขัดแย้งกัน เพราะเวลาพะบู้ดูไม่เป็นอุปสรรคเลย เจมส์สามารถจัดการกับคู่ต่อสู้ได้ 2 คนในเวลาเดียวกัน 3 คนที่มีร่างกายสมบูรณ์

การชนะทุกครั้งทำให้ฉันสงสัยว่า James Harper มาจากไหน ทำไมไม่บอกที่มา เพราะในแง่ปฏิบัติการนี่เรียกได้ว่าเป็นมืออาชีพที่เชี่ยวชาญการต่อสู้ทุกรูปแบบ การลักลอบ, หน่วยสืบราชการลับ, การดำน้ำ, วิ่งผ่านป่า, การพรางตัว, การปฐมพยาบาล การถ่ายเลือดฉุกเฉิน, ไหวพริบนอกกรอบ,

จัดการศัตรูจากการทุบหลอดไฟและแอบเข้าไปใต้ที่กำบังแต่ชุดเกราะของฮีโร่ที่ขาดประสบการณ์ยังทำให้เขาไม่ถูกกระสุน และเจมส์มักจะอยู่ในทุ่งสว่าง ฝ่ายตรงข้ามสาดกระสุนเป็นร้อย เจมส์แค่วิ่งไปรอบๆ หมอบลงเล็กน้อย และไม่โดนกระสุนเมื่อเพื่อนร่วมทีมถูกยิง

Kiefer Sutherland รับบทเป็นตัวร้าย

โดยเมนูหลัก The Contractor เป็นหนังแอ็คชั่นกันกระสุน มีดราม่าครอบครัวและความสัมพันธ์ระหว่างสหายอยู่เบื้องหลัง แต่ตลอด 100 นาที มีฉากที่ถ่ายทำเพียง 3 ฉาก ฉากที่ใหญ่ที่สุดและยาวที่สุดคือฉากแอ็คชั่นเบอร์ลิน ส่วนที่น่าเสียดายที่สุดคือไคลแมกซ์ในตอนจบของเรื่อง ปิดง่ายภายในเวลาไม่ถึง 5 นาที ยังไม่ตื่นเต้น หลังจากที่ได้ดูภาพยนตร์เรื่องนี้แล้ว Paramount เจ้าของภาพยนตร์ก็คงทราบดีถึงสถานการณ์ของภาพยนตร์เอง และไม่หวังผลตอบแทนมากจึงเลือกที่จะปล่อยบนสตรีมมิ่งพร้อมกันตั้งแต่วันที่หนังเข้าฉาย รู้ว่าเจ็บ แต่ขอเจ็บนิดนึง

the contractor ซับไทย มีการดำเนินเรื่องแบบนี้อยู่ในโครงเรื่องและที่เราเห็นก็ไม่ได้ฉีกแนวงานเดิม ๆ เลย แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะไม่สนุกภายใต้โครงเรื่องหรือกรอบเดิม ๆ บอกได้คำเดียวว่าเพื่อน ๆ สัมผัสได้ ด้วยตัวเอง ภาพยนตร์นักฆ่าผู้รับเหมาเรื่องนี้มุ่งเน้นไปที่การพูดคุยทางการเมืองที่ดุเดือด

โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับการปลดประจำการอย่างกะทันหันและแรงกดดันทางการเงินต่อครอบครัวทหาร แม้ว่าตัวละครอย่างเจมส์จะมีความเชื่อในประเทศอย่างอเมริกา จนกระทั่งวันหนึ่งเขาพบว่าประเทศและกองทัพไม่รักเขากลับและสิ่งที่เจ็บปวดที่สุดคือการไม่มีอะไรเลย

คำถามของเนื้อหาและบทต้องยกนิ้วให้นักแสดงขาจรที่ผันตัวมาเป็นคนเขียนบทอย่าง เจ.พี. เดวิส และต้องบอกว่าเรื่องนี้เขียนบทได้ครบทุกสูตร ถูกต้อง

ทุกอย่างสามารถคาดเดาได้ ไม่มีอะไรในนั้นที่คาดไม่ถึงเลย เช่นโครงเรื่องของพระเอกอย่างเจมส์ ฮาร์เปอร์ ผู้ไม่มีภูมิหลังตอนเป็นทหาร มีความสามารถขนาดนั้นเลยเหรอ?

เขาได้ทำวีรกรรมอะไรไว้บ้าง? มีความแตกต่างบางอย่าง แต่ที่ไม่ควรเป็นเหมือน J.P. Davis เขาเลือกที่จะใช้เวลาทั้งหมดในช่วงแรกเพื่อให้ผู้ชมเข้าใจว่าครอบครัวของ James นั้นน่าสังเวชเพียงใด ดูจบแล้วก็คิดว่า เฮ้ย! ! เหมือนกันเลยพาไปรู้จักครอบครัวของไมค์ แล้วพาไปพบกับรัสตี้ กัปตันทหารรับจ้าง สรุป หลังจากรอมา 30 นาที เราดูแค่ฉากแรกก็ดำเนินเรื่องมาถึงครึ่งทางแล้ว

ความรู้สึกหลังดู

หนัง contactor เป็นหนังแอคชั่นแต่คงเรียกว่าครบเครื่องไม่ได้เพราะน้อยกว่าที่คุณคิด มีเพียงเลือดเดียวเท่านั้น โดยเฉพาะฉากไคลแมกซ์ที่สั้นจนน่าตกใจ เลยต้องบอกว่าเป็นละครสะท้อนสังคมทหารน่าจะสนุกกว่า

เปิดฉากเหมือนก่อนถูกหักหลังทหารเน่าๆ ความรักสุขๆ ที่ขึ้นแท่นพระเอกที่ตอนแรกถูกยกย่องให้เป็นคนดังในสังคม พอหมดแรง อ่อนแอ แก่ลง เริ่มเสื่อมความนิยมคือ ถูกเนรเทศ ไม่มีอะไรให้ ทั้งเงินและประกันชีวิต ชนิดที่ว่าหนักหนาสาหัสกว่าจ้างแล้วลาออก

ผู้รับเหมาก่อวินาศกรรมผู้รับเหมา จนเริ่มคิด ถามตัวเองว่า เรามาเกณฑ์ทหารทำไม? เขามาตายเพื่อชาติไม่ใช่หรือ? พอหนังมีประเด็นแบบนี้ยิ่งทำให้หนังน่าติดตาม แต่ข้อเสียที่เห็นได้ชัด เป็นเรื่องราวที่ช้ามาก  เมื่อพูดถึงฉากแอ็คชั่นดูเหมือนว่าจะไม่ค่อยชัดเจนนัก และฉากไคลแมกซ์แทนที่จะปล่อยยาวเต็มไปด้วยความฟุ้งเฟ้อแต่ตอนจบกลับเรียบง่ายจนน่าตกใจ ตัวละครอื่น ๆ ถูกจัดวางอย่างดีและถูกกำจัดอย่างดื้อรั้นในฉากไคลแมกซ์

อย่างไรก็ตาม ท่ามกลางบาดแผลฉกรรจ์ขนาดมหึมา ยังมีประโยชน์ตรงที่เรื่องราวแสดงให้เห็นด้านมืดของทหารอเมริกัน ซึ่งทำให้น่าสนใจ นอกจากฉากที่น่าตกใจแล้ว อารมณ์ยังสามารถควบคุมผู้ชมได้ แถม “คริส ไพน์” ก็ฮอตจนคนดูลุ้นเอาใจช่วยให้การแสดงของตัวละครตั้งแต่ต้นจนจบ เป็นหนังที่สนุกอีกเรื่องหนึ่ง อย่าไปคาดหวังกับฉากบู๊มากนัก