รีวิว The Lost City

รีวิว The Lost City

รีวิว The Lost City

 

รีวิว The Lost City เนื้อหา 

หากฟังจากชื่อเรื่องหลายคนต้องรู้สึกแน่เลยว่าภาพยนตร์เรื่องนี้ต้องออกแนวผจญภัยประมาณ “Indiana Jones” ไม่ก็ “National Treasure” อย่างแน่นอน แต่จริงๆ ก็ไม่ได้แตกต่างจากที่กล่าวมาสักเท่าไหร่ เพียงแค่ภายในเรื่องจะสอดแทรกมุกตลกเอาไว้ด้วย โดยเฉพาะตัวเอกที่จะออกแนวตลกหน้าตาย ที่เอาคนดูแอบอมยิ้มตามตลอดทั้งเรื่อง อาจเรียกได้ว่าเป็นหนังผจญยุคใหม่ที่นอกจากคนดูจะได้ลุ้นแล้วยังได้ผ่อนคลายแบบเบาสมองกันอีกด้วย ฉีกกฎหนังรูปแบบเดิมๆ กันไปบ้างดูหนังออนไลน์ ดูหนังฟรี

รีวิว The Lost City

The Lost City เป็นเรื่องราวของ ลอเร็ตตา เสจ นักเขียนผู้เก่งกาจ แต่รักสันโดษ เธอได้เขียนหนังสือเกี่ยวกับสถานที่แปลกประหลาดในนิยายรักผจญภัยยอดนิยมของเธอ โดยมี อลัน มาเป็นนายแบบหน้าปกสุดหล่อ และทุ่มเทชีวิตเต็มที่ในการปรากฏตัวเป็น “แดช” ฮีโร่จากนิยาย ลอเร็ตตาและอลันออกทัวร์โปรโมตหนังสือเล่มใหม่ร่วมกัน และพวกเขาทั้งคู่ถูกลักพาตัวโดยมหาเศรษฐีสุดประหลาด ผู้ซึ่งหวังว่าเธอจะสามารถนำเขาไปสู่การพบสมบัติในเมืองโบราณที่สาบสูญในนิยายเรื่องล่าสุดของเธอ งานนี้จึงทำให้อลันต้องการพิสูจน์ว่าเขาสามารถเป็นฮีโร่ได้ในชีวิตจริงและไม่ใช่แค่ในหนังสือเท่านั้น เขาจึงออกเดินทางไปเพื่อช่วยเหลือเธอรีวิวหนังใหม่

รีวิว The Lost City

“ตัวละครหลักเป็นนักเขียนที่ปิดกั้นตัวเอง กับนายแบบชาย ซึ่งทั้งคู่ไม่ควรจะมาอยู่ในป่า หรือแม้แต่ในธรรมชาติด้วยซ้ำ เพราะป่าสามารถกลืนกินคนอย่างพวกเขาได้เลย พวกเขาควรจะอยู่ในอาคารที่ปิดมิดชิดและมีเครื่องปรับอากาศมากกว่าค่ะ”

คือจะว่าไปแล้ว The Lost City มันก็คือหนังตลกดาดดื่นทั่ว ๆ ไปของฮอลลิวูด ที่อาจจะใช้ทุนสร้างสูงกว่าปกติสักเล็กน้อย แต่องค์ประกอบรวม ๆ ก็คือหนังตลกผจญภัยที่ใส่ความโบ๊ะบ๊ะสูตรสำเร็จมุกอเมริกันเข้ามาเป็นจุดขายเดิม ๆ นั่นแหละ แต่ภายใต้จุดเดิม ๆ เหล่านั้น กลับกลายเป็นว่าหนังเรื่องนี้มีจุดเด่นและส่วนประกอบที่ดีที่สุดกลายเป็นทีมนักแสดงทุกคนในหนังเรื่องนี้ ที่พวกเขาได้โชว์ศักยภาพความเป็นมืออาชีพและซุปตาร์ที่สามารถพยุงหนังเรื่องนี้เอาไว้ได้แบบเซียนมาเอง

นี่คืองานสร้างของคู่หูตระกูลนี อย่าง “แอรอน นี” กับ “อดัม นี” ที่ถือว่าเป็นงานสเกลระดับบ็อกซ์บัสเตอร์ของพวกเขาเป็นเรื่องแรก และก็สามารถประคับประคองงานสร้างทั้งหมดออกมาได้ในระดับที่น่าพอใจ แม้ว่าจะแอบโกงหน่อย ๆ เพราะมีความเป็นสูตรสำเร็จช่วยพวกเขาเอาไว้อยู่ไม่น้อย แต่โดยรวมก็ถือว่างานสร้างของพวกเขาออกมาใช้ได้ แม้ว่าจะไม่ได้สร้างความแปลกใหม่ใด ๆ แต่ก็ยังเก็บตกความบันเทิงชั้นยอดเอาไว้ได้ตลอดเรื่อง
บทหนังของ The Lost City บอกตรง ๆ ก็คือไม่มีอะไรเลย มาพร้อมกับบทหนังแสนเชยที่โครงเรื่องแทบไม่มีอะไรยาก ก็แค่ชายหญิงคู่หนึ่งที่มีชีวิตต่างคนละขั้วต้องมาผจญภัยและหนีตายไปด้วยกันกลางป่า ฝ่าด่านไปที่จะสเต็ป กับสูตรสำเร็จที่เดาทางเรื่องออกในทุก ๆ องศา เป็นความจำเจที่มีทั้งจังหวะที่สนุกและจังหวะที่เบื่อหน่ายปะปนกันไป และมันคือความซ้ำซากที่ยังสร้างความบันเทิงให้กับผู้ชมได้ดี

รีวิว The Lost City

 

และอย่างที่บอกไปข้างต้น The Lost City คือหนังที่มีความโดดเด่นที่สุดก็คือแคสติ้งนักแสดงนั่นเอง พวกเขาแต่ละคน แต่ละเบอร์ ก็คือมืออาชีพล้วน ๆ ดังนั้นนี่จึงกลายเป็นกำไรของคนดูโดยแท้ ที่ได้มีโอกาสได้เห็นดาราเบอร์เท่านั้นมาประชันบทบาทกันในหนังโบ๊ะบ๊ะแบบนี้เรื่องเดียวกัน และองค์ประกอบนี้นี่เองที่มีส่วนช่วยยกระดับภาพรวมของหนังเอาไว้ได้ดีมาก ๆ กับทักษะการแสดงและประสบการณ์ในหนังสายฮาของพวกเขา เป็นจุดที่ช่วยส่งเสริมเพิ่มเสน่ห์ให้กับหนังได้เป็นอย่างมาก
“แซนดร้า บูลล็อก” ที่เอาจริง ๆ ก็ค่อนข้างห่างหายไปจากบทแนวนี้ไปสักพัก เพราะหันไปเล่นแนวซีเรียสจริงจังเยอะขึ้น แต่ด้วยพรสรรค์ของเธอให้ด้านนี้ และเป็นบทที่เข้าทางเธอเป็นอย่างดี จึงทำให้คาแรกเตอร์ธรรมดา ๆ ได้ที่สรรค์สร้างออกมาโดยเธอที่เต็มไปด้วยเสน่ห์ตลอดทั้งเรื่อง เธอแบกหนังเรื่องนี้เอาไว้แบบสบาย ๆ เหมือนแค่ยกด้วยปลายนิ้วชี้เท่านั้น นี่ก็นึกไม่ออกเหมือนกันว่า ถ้าบทนี้ไม่ใชแซนดร้า…จะมีใครที่เล่นถึงได้เท่าเธอคนนี้อีก

รีวิวThe Lost City

ถัดมาที่ “แชนนิ่ง เททั่ม” คนนี้ก็ไม่ต้องพูดอะไรเยอะ เพราะเขามีความหลากหลายในการจัดแจงรับบทคาแรกเตอร์ที่ตัวเองได้รับอยู่เสมอ และบทนี้ก็ถือว่าเข้าทางเขาอยู่ไม่น้อยเช่นกัน แม้ว่าบทบาทนี้ของเขาจะซ้ำและจำเจกับบทเดิม ๆ ที่เขาเคยได้รับมาก่อน แต่เสน่ห์ของแชนิ่งก็ช่วยส่งเสริมและพาหนังไปได้ไกล ด้วยการดีไซน์คาแรกเตอร์นี้ออกมาในรูปแบบของเขาเอง มีทั้งความโบ๊ะบ๊ะและความเท่ปะปนกันอย่างลงตัว
“แดเนียล แรดคลิฟฟ์” ที่ยังคงเป็นพ่อมดน้อยในใจผู้ชมหลาย ๆ คนอยู่เสมอ แต่นี่ก็ถือว่าเป็นอีกหนึ่งความท้าทายในการแสดงของเขาอีกครั้ง เพราะเขาแทบจะไม่ค่อยรับบทในหนังตลกอะไรทำนองนี้สักเท่าไหร่ เมื่อเจ้าหนุ่มจากอังกฤษต้องมาแบกรับกับการเป็นวายร้ายสไตล์ผู้ดีเรื่องนี้ ก็ถือว่าแดเนียลสามารถดีบทได้แตก ด้วยเสน่ห์ทางการแสดงของเขาอีกเช่นเดียวกัน แม้ว่าบทนี้แทบจะไม่มีอะไรเลยก็ตาม แต่เขาก็สวมวิญญาณออกมาได้อย่างน่าหมั่นไส้ดี

นี่ยังไม่รวมองค์ประกอบเสริมจากนักแสดงสมทบคนอื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็น “ดาวีน จอย แรนดอล์ฟ” ที่เป็นคุณเจ๊จอมขโมยซีนของเรื่อง หรือจะเป็น “ออสการ์ นูเนซ” ที่กลายเป็นตัวขโมยซีนฝ่ายชายและกลายเป็นอีกหนึ่งสัญลักษณ์ที่มักจะไปแทรกอยู่ในหนังตลกที่มี แซนดร้า บูลล็อก แสดงอยู่เรื่อง และที่พลาดไม่ได้เลยก็คือ “แบรด พิตต์” กับบทนักสู้เทพบุตรที่คุณจะต้องหลงใหลเขาแทบจะทุกนาทีที่มีซีนปรากฏอยู่บนจอ

ตัวละครลับ “แบรด พิทท์”

รีวิวThe Lost City

 

การปรากฎตัวของ แบรด พิตต์ เกิดขึ้นเมื่อ อลัน ตัดสินใจจะออกตามหาและช่วยเหลือ ลอเร็ตต้า แต่รู้ดีว่าคงไม่สามารถรับภารกิจนี้ได้เพียงลำพัง เขาจึงไปขอความช่วยเหลือจาก แจ็ค เทรนเนอร์ ตัวละครของพิตต์ ซึ่งเป็นอดีตนาวิกโยธินที่เก่งทั้งเรื่องโยคะและการช่วยเหลือตัวประกัน
“แบร็ดมีวิธีจำเพาะในการจัดการกับตัวละครของเขาค่ะ” บุลล็อกอธิบาย “เทรนเนอร์เป็นพุทธศาสนิกชน เขาเป็นผู้ชายติดดิน อลันติดตามเขาไปราวกับลูกหมาลาบราดอร์เลยค่ะ”

 

เท่านั้นไม่พอ พิตต์ยังช่วยคิดภาพลักษณ์ให้กับตัวละครตัวนี้ด้วย โดยเขาเห็นด้วยกับการให้ แจ็ค เทรนเนอร์ ไว้ผมยาวสลวย แถมพิทท์ยังอยากให้ตัวละครตัวนี้มีอารมณ์แบบทิเบต อยากให้เขาเป็นนักสำรวจ เป็นผู้ชายที่เดินทางไปทั่วโลก แต่คุณไม่รู้ว่าแจ็คทำอะไรสำเร็จมาบ้าง หรือว่าเขาเคยช่วยใครมาบ้าง เพราะเขามีความเป็นทหารรับจ้างอยู่ด้วย

บุลล็อกเคยไปเล่นบทรับเชิญในผลงานใหม่ของพิตต์ เรื่อง Bullet Train มาแล้ว เขาจึงยินดีที่จะตอบแทนเธอด้วยการมาเล่น The Lost City แต่เหนือสิ่งอื่นใด ใครล่ะจะไม่อยากเป็นทหารหน่วยรบพิเศษที่มีทักษะสูง ผู้สามารถท่องคำสอนของเล่าจื๊อ และคัมภีร์เต้าเต๋อจิงได้

รีวิวThe Lost City

หลบหนีสู่โลกการผจญภัยที่ยิ่งใหญ่ในโรงภาพยนตร์

แชนนิง เททัมบอกว่า “ผมชอบภาพยนตร์ที่เล่าเรื่องง่ายๆ และเหมาะกับทุกคนมาตลอดทั้งชีวิตของผม กับ The Lost City เราอยากให้มันเป็นการได้หลบหนีอันยิ่งใหญ่ผ่านตัวละครสองตัวที่คุณรู้สึกห่วงใยจริงๆ ครับ”

โดยรวมมันคือหนังผจญภัยที่ทำได้สนุกทีเดียวแหละ พระนางจะต้องร่วมกันฟันฝ่าอุปสรรคนานาเพื่อจะหลบให้พ้นเงื้อมมือของมหาเศรษฐีหนุ่มหนวดผู้คลั่งสมบัติ แต่ขณะเดียวกัน ก็อึ้งไปกับความมีอยู่จริงของนครโบราณแห่งนี้ ความเสียดายว่าภูเขาไฟที่ปะทุอยู่อาจทำให้ร่องรอยของมันนั้นหายไปตลอดกาล ทำให้พวกเขายังอยู่บนเส้นทางของการค้นหามงกุฏแห่งอัคคีชิ้นนั้น

แม้หนังจะมีความป่วนฮาและชวนอึ้งไม่หยุด แต่บางส่วนในบทสนทนาก็ยังให้แง่มุมบางอย่าง อย่างเช่นการตัดสินคนอื่นจากสิ่งที่เห็นเพียงภายนอก ไม่ต่างกับการตัดสินหนังสือที่ปก อะไรประมาณนั้น
แม้หนังจะปิดท้ายด้วยฉากที่มีใช้ซีจีที่ค่อนข้างไม่เนียนตา แต่ว่าความที่หนังพาอารมณ์ดีมาตั้งแต่ต้น ทำให้หนังสอบผ่านได้ในแง่การให้ความบันเทิง เคมีและความโบ๊ะบ๊ะของสองพระนาง บวกความแย่งซีนของแบรด พิตต์ สุดหล่อ ก็พอจะทำให้พอใจกับหนังได้ในระดับหนึ่ง แต่เดี๋ยวก่อน เห็นตัวอักษรขึ้นมาไม่ต้องรีบลุก

รีวิวThe Lost City

ปิดท้ายด้วย แซนดรา บุลล็อก ซึ่งเป็นทั้งนักแสดงและผู้สร้าง The Lost City ที่บอกว่า “คุณสามารถสร้างเครื่องเล่นจากภาพยนตร์เรื่องนี้ที่ดิสนีย์แลนด์ได้เลย กับความยิ่งใหญ่ของมัน มันจะนำพาคุณไป ทำให้คุณรู้สึกเหมือนกำลังโบยบิน และทำให้คุณรู้สึกราวกับว่าคุณไปอยู่ที่นั่นกับลอเร็ตต้า และอลัน ในความกว้างใหญ่ไพศาลของป่า

ดังนั้น ถ้าเราไม่สามารถไปเที่ยวพักผ่อนได้ (เพราะโควิด) ก็หวังว่าคุณจะสามารถเดินเข้าไปที่โรงภาพยนตร์ และรู้สึกราวกับว่าคุณได้ไปเที่ยวพักผ่อนกับพวกเรา”

รายละเอียดเกี่ยวกับหนัง
ชื่อภาพยนตร์ The Lost City / ผจญภัยนครสาบสูญ
กำกับ Aaron Nee, Adam Nee
เขียนบท Oren Uziel, Dana Fox, Adam Nee, Aaron Nee
แสดงนำ Sandra Bullock, Channing Tatum, Daniel Radcliffe, Da’Vine Joy Randolph, Brad Pitt
แนว/ประเภท Action, Adventure, Comedy, Romance
เรท PG-13
ความยาว 112 นาที
ปี 2022
สัญชาติ สหรัฐอเมริกา
เข้าฉายในไทย 21 เมษายน 2022
ผลิต/จัดจำหน่าย Paramount Pictures, 3dot productions, Exhibit A, Fortis Films

 

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *