รีวิว The Meg

รีวิว The Meg

1

รีวิว The Meg

The Meg เรื่องความน่ากลัวของฉลามยังคงถูกนำมาใช้เป็นตัวร้ายในหนังฮอลลีวู้ดได้เรื่อย ๆ ทั้งหนังสตูดิโอใหญ่และหนังเกรดบี แต่ถ้าว่ากันเฉพาะฉลามยักษ์ก็ต้องมองย้อนไปถึง Jaws

ตั้งแต่ปี 1975 นู่น วันที่สตีเวน สปิลเบิร์กสร้างฉลามยักษ์ให้เป็นอสุรกายที่ทำให้คนทั้งโลกแขยงกันไปหมดไม่กล้าลงทะเล การมาถึงของ The Meg เท่ากับเป็นการกลับมาของฉลามยักษ์ที่เราไม่ได้เห็นกันบนจอ หนังมากว่า 40 ปี รวมรีวิวหนังแนะนำNetflix

2

สำหรับ Mirage เป็นหนังที่เหมาะกับคนที่ชอบหนังในสไตล์หักมุมพล็อตซับซ้อนลุ้้นระทึกที่ชวนไปดูบทสรุปที่ชวนเหว่อในตอนจบ ถ้าหากกำลังติดอกติดใจกับผลงานของผู้กำกับ Oriol Paulo เข้าอย่างจัง

ไม่ว่าจะเป็น The Invisible Guest, The Body, God’s Crooked Lines แทบทุกเรื่องทำออกมาได้เข้าขั้นเจ๋งยากที่จะไปคาดเดาอะไรได้ ทุกอย่างทิ้งปริศนาไว้ให้คิดตามเพียบและหักมุมได้เข้าขั้นอัจฉริยะ

ผลงานเรื่องนี้ทำออกมาในสไตล์ไซไฟวิทยาศาสตร์ใส่ความเชื่อเรื่องโชคชะตาลงไปอีก เป็นงานที่ชอบมากซุฮกให้กับกลยุทธ์การสร้างหนังที่เขาไม่เคยเลียนแบบทำซ้ำมันเลยสักเรื่อง

รีวิว The Meg เนื้อเรื่อง

หนังเปิดตัวด้วยฉากที่โจนาส ทำภารกิจคือต้องกู้ชีพกลุ่มนักวิทยาศาสตร์ในเรือดำน้ำนิวเคลียร์ แต่แล้วระหว่างที่กำลังช่วยเหลือนักวิทยาศาสตร์คนสุดท้าย

เรือดำน้ำก็โดนแรงปะทะแปลกประหลาด จึงทำให้เพื่อนร่วมทีมของโจนาสอีก 2 คนติดอยู่ในเรือดำน้ำนั้น โจนาสตัดสินใจทิ้งเพื่อน 2 คนเพราะรู้ว่าหากเลือกที่จะช่วย 2 คนนี้

แรงระเบิดจะทำให้ทุกๆ คนต้องตาย เมื่อกลับมาบนบก โจนาสก็เล่าให้ฟังว่าเขาเห็นสัตว์น้ำตัวใหญ่ยักษ์ซึ่งเป็นต้นเหตุของแรงปะทะ แต่ด็อกเตอร์เฮลเลอร์ ผู้เป็นหมอ ก็ปัดคำกล่าวนั้นทิ้ง แล้วสรุปว่าโจนาสแค่เพ้อไปเอง

3

ห้าปีผ่านไป ศูนย์วิจัยใต้ทะเลลึกสัญชาติจีนนามว่า Mana One นำทีมโดยดร. จาง และซูหยิน ลูกสาวผู้เชี่ยวชาญด้านสัตว์น้ำมีภารกิจส่งทีมดำดิ่งลงไปสำรวจใต้ทะเลลึกตรงร่องสมุทรมาเรียนา ที่ซึ่งพวกเขาเชื่อว่าพื้นผิวของมหาสมุทรตรงนั้นแท้จริงแล้วคือก๊าซที่ขวางกั้นโลกอีกใบใต้น้ำเอาไว้ ซึ่งก็เป็นจริงตามที่พวกเขาสันนิษฐาน

นี่ถือเป็นครั้งแรกที่มนุษย์ก้าวผ่านเส้นแบ่งขอบเขตนี้ พวกเขาตื่นตาตื่นใจกับโลกใต้ทะเลใหม่ที่ค้นพบ แต่แล้วก็ต้องเผชิญวิกฤติเมื่อโดนฉลามที่ใหญ่ที่สุดในตระกูลฉลามอย่าง “เดอะ เม็ก” หรือ “เม็กกาโลดอน”

บุกโจมตีจนขาดการติดต่อไปโจนาสจึงถูกติดต่อให้มาช่วยรับภารกิจกู้ชีพเนื่องจากเขาเคยมีประสบการณ์เจอเม็กกาโลดอนมาก่อน แต่การกู้ชีพครั้งนี้ดันไม่สวยงาม 100% เพราะเป็นการเปิดช่องทางให้เม็กกาโลดอนว่ายผ่านก๊าซที่ขวางกั้นขึ้นมาสู่มหาสมุทรในระดับที่สามารถไล่ล่ากินคนได้ 

ตัวละคร

ทางฝั่งตัวละคร พระเอกอย่างโจนาส นำแสดงโดยเจสัน สเตแธม ก็โคตรของโคตรมนุษย์ คือเก่งมาก ไม่มีอะไรที่ทำไม่ได้ กล้าได้กล้าเสีย บุกน้ำลุยไฟ และที่สำคัญคือมีโชคเข้าข้างตลอด เพราะรอดแบบฉิวเฉียดเส้นยาแดงผ่านแปดทุกที

แบบถ้าช้าอีกครึ่งวินี่ตายไปแล้ว ที่เทพอีกอย่างคือพี่แกไม่แสดงเศษเสี้ยวของความกลัวให้เห็นเลย เป็นคนคิดเร็วทำเร็วมาก ซึ่งอุปนิสัยนี้ก็ทำให้คนอื่นๆ กัดแขวะเขาบ้างในบางสถานการณ์ที่เขาปล่อยให้เพื่อนร่วมทีมต้องตาย

ตรงนี้สัมผัสได้ถึงความหนักใจของโจนาสเลย เพราะเอาเข้าจริงโจนาสเองก็ไม่ได้แกร่งขนาดว่าไม่รู้สึกอะไรกับการที่เพื่อนต้องตาย เขาสารภาพว่าความรู้สึกผิดยังตามมาหลอกหลอนเขาจนถึงทุกวันนี้ ถ้าใครไม่เคยเจอสถานการณ์แบบเขาก็คงไม่เข้าใจว่ามันกดดันแค่ไหน 

4

ปมที่เจ็บช้ำเพราะไม่สามารถช่วยลูกทีมไว้ได้ เป็นปมที่พบเห็นได้บ่อยในหนังประเภทแอ็กชั่นสู้เอาตัวรอด ทุกๆ คนเอาแต่ประณามว่าโจนาสผิดที่ทิ้งเพื่อนไว้ข้างหลัง นั่นเป็นเพราะพวกเขาใช้อารมณ์มากกว่าเหตุผล ถูกความเศร้ากัดกลืนจนมองไม่เห็นความเป็นจริง

ไม่ได้ไตร่ตรอง ไม่เข้าใจว่าหากโจนาสตัดสินใจอีกแบบ ก็อาจไม่มีใครรอดกลับมาเลยก็ได้ สิ่งที่โจนาสทำคือการยอมเสียคนส่วนน้อยเพื่อปกป้องคนส่วนมาก เป็นการตัดสินใจที่โหดมาก แต่โจนาสก็โหดเช่นกันที่สามารถตัดสินใจได้อย่างรวดเร็วในสภาวะคับขันเช่นนั้น 

ตัวละครตัวอื่นๆ มีจุดเด่นแตกต่างกันไป แอบเสียดายตัวละครบางตัวที่เป็นตัวฮาของเรื่องเหมือนกันที่ต้องตาย แถมบางคนยังตายแบบเอิ่มมม ง่ายๆ อย่างนี้เลย แต่ก็นั่นแหละ ฉลามมาไวไปไวจริงๆ นึกจะงับก็งับ นึกจะโผล่ก็โผล่ คนตายไม่ทันรู้ตัวเลยมั้ง

แถมหนังยังหักอารมณ์เก่ง จากฉากแฮปปี้เฉลิมฉลองอยู่ดีๆ พลิกไปเป็นวิกฤติซะงั้น จากวิกฤติอยู่ดีๆ ก็มีมุกฮาเข้ามาแทรก หรือพอจบจากฉากแอ็กชั่นก็ใส่ดราม่าเข้ามา ตรงนี้เราไม่ติดอะไรนะ บางคนอาจจะรู้สึกว่าตัดไวไปไว แต่เราว่ามันก็ทำให้หนังสนุกไปอีกแบบ 

ความตื่นเต้นในฉาก The meg

หนังใส่เหตุการณ์ตื่นเต้นเข้ามาตลอด ช่วงลุ้นนี่ก็ลุ้นจนเครียด มุมกล้องบางฉากชวนให้กดดันและหลอนแทนตัวละครมาก ฉากปะทะกับฉลามแต่ละทีนี่อลังการงานสร้างจริงๆ

เพราะแค่ฉลามก็ตัวใหญ่ยักษ์กว่าคนไปหลายเท่าแล้ว แถมยังเป็นฉลามที่ว่ายน้ำโคตรๆ เร็ว ดังนั้น ฉากมนุษย์หนีฉลามนี่มาทีไรก็ลุ้นหัวใจวายทุกที แน่นอนว่าหนังแนววิกฤติฉลามแบบนี้ต้องมีคนตาย เตรียมใจไว้เลยจ้า แต่เอาเข้าจริงถือว่าตายน้อยแล้วนะ

ถามว่ามีฉากเลือดสาด ฉากแหวะๆ เยอะมั้ย ตอบเลยว่าค่อนข้างน้อยแล้วละ ไม่ค่อยมีฉากที่ชวนหยึยเท่าไร หนังตัดฉับเร็วมาก แบบฉลามงับคนปุ๊บหายตัวเลย โดยสรุปคือหนังเน้นความกระชับฉับไวมากกว่าความเลือดสาด 

5

The Meg ก็เป็นหนังเอาใจตลาดทุนสูงอีกเรื่องที่ยังคงใช้ทุนสร้างจากจีน ซึ่งเป็นกระแสหลักของหนังฮอลลีวู้ดในช่วงหลังนี้ อย่างเช่น Skyscraper และ Mission : Impossible Fallout และ Pacific Rim Uprising เมื่อใช้ทุนจากจีน หนังจึงต้องกำหนดว่าเหตุการณ์เกิดในจีน

และมีดาราจีนมาเป็นดารานำ แต่ The Meg เป็นหนังที่ออกจะสื่อถึงความเป็นจี๊นจีนมากกว่าทุกเรื่องข้างต้นที่กล่าวมา นอกจากกำหนดให้เหตุการณ์ทั้งหมดเกิดขึ้นในทะเลจีนแล้ว ดอกเตอร์จาง หัวหน้าหน่วย Mana One ก็ยังเป็นจีน และบท ชูหยิน

นางเอกของเรื่องก็ตกเป็นหน้าที่ของ หลี่ ปิงปิง นางเอกจีนที่ไปเล่นหนังฮอลลีวู้ดมาแล้วหลายเรื่อง ก็นับว่าเป็นนางเอกของเรื่องที่ค่อนข้างสูงวัย เพราะปีนี้เธอปาไป 45 ขวบแล้ว แต่หน้านี่ตึงเป๊ะ แล้วบทของเธอก็ถูกเขียนให้เป็นลูกสาวของดอกเตอร์จาง ที่รับบทโดย วินสตัน เชา ซึ่งแก่กว่าเธอแค่ 15 ปีเท่านั้น 

รีวิว THE MEG ประเด็นความน่าสนใจของหนัง

หนังได้ชูประเด็นอื่นๆ ที่น่าสนใจบ้างประปราย เช่น ความขัดแย้งกันระหว่างนายทุนกับนักวิจัย เราจะเห็นได้ว่าตัวละครอย่าง แจ็ค เศรษฐีผู้ซึ่งลงทุนสร้าง Mana One มีเป้าหมายชัดเจนคือหาโอกาสทำกำไรทำชื่อเสียงจากการค้นพบสัตว์สปีชีส์ใหม่แกะกล่อง

ด้วยการไล่ล่ามัน ฆ่ามัน แล้วเคลมเป็นของตัวเองซะ นั่นเพราะเขาไม่ต้องมาเสี่ยงกับทีมงานด้วย ทำเพียงแค่ลงทุนอย่างเดียว ส่วนทีมนักวิจัยนั้นรู้ดีว่าเม็กกาโลดอนเป็นเพชรฆาตที่ยากจะล้มด้วยมือมนุษย์

พวกเขาไม่คิดอยากจะต่อกรด้วยเพราะดูแล้วไม่คุ้มกำลังคนที่จะเสียเลย จนกระทั่งได้รับรู้ว่าเม็กกาโลดอนหลุดเข้ามาในเขตแดนที่เป็นอันตรายกับมนุษย์นี่แหละ พวกเขาจึงต้องหาทางหยุดยั้งมันก่อนที่มันจะไปไล่กินคน 

6

ฟังๆ ดูแล้วเหมือนฉลามเป็นตัวร้าย ซึ่งมันก็ร้ายแหละ แต่ถ้าดูกันตามจริง มนุษย์เองไม่ใช่เหรอที่บุกเข้าไปในถิ่นของมันก่อน มันก็อยู่ของมันดีๆ อยู่แบบสงบๆ ใต้ทะเลที่โคตรลึกแถมยังมีก๊าซกั้นเอาไว้ มนุษย์ก็ยังอุตส่าห์แห่ไปเจอจนได้ ทีนี้

พอมันหลุดเข้ามาในเขตแดนของมนุษย์ มนุษย์ก็ไล่ล่าฆ่ามัน พอเขียนแบบนี้แล้วรู้สึกว่าฉลามน่าสงสารขึ้นมาเลยแฮะ มันโดนรบกวน มันตามมนุษย์มาโดยสัญชาตญาณ แล้วมันก็ถูกไล่ฆ่า ซึ่งกว่าจะฆ่าได้นี่ไม่ใช่ง่ายๆ เลย ต้องใช้อุปกรณ์ยุทธวิธีมากมาย เรื่องนี้สอนให้รู้ว่าเรื่องบางอย่าง ก็ปล่อยให้เป็นไปตามธรรมชาติเถอะ อย่าไปยุ่งกับมันเลย 

ฉากจบของหนังมีความเสียดสีเบาๆ ตอนที่ดูคือไม่แน่ใจว่านี่ใช่ตอนจบจริงๆ เหรอ มันรู้สึกแบบ หืม เอาจริงดิ? เป็นฉากจบที่เรียกอึ้งได้นิดนึง

แต่โดยภาพรวมของหนัง เราว่าโอเคเลยสำหรับใครก็ตามที่กำลังหาหนังสนุกๆ ลุ้นระทึกๆ ดู อย่าไปคาดหวังพล็อตมากเพราะพล็อตมันก็ไม่ได้แปลกใหม่อะไรหรอก เน้นไปดูสนุกมากกว่า ซีจีก็สวยอลัง ชวนให้หลอนไปกับฉลามยักษ์จริงๆ นั่นแหล 

ความคิดเห็นหลังจากดูจบ

แม้จะเป็นหนังทุนจีนที่ดูเผินๆ แล้วเหมือนหนังจีนที่มีฝรั่งเป็นพระเอก แต่โดยรวมก็ถือว่าทำออกมาได้ดี ดูได้สนุก และดูไม่เป็นหนังจีนจ๋าอย่างที่คิด ทางด้านงาน CG ตัวฉลามยักษ์ก็ทำออกมาได้เนียนตาดี ภาพไม่ลอย ดูโหดและน่ากลัวมาก 

ส่วน เจสัน สเตแธม นี่ดูยังไงก็คือ เจสัน สเตแธม ที่ยังคงคาแรคเตอร์เดิมๆ ประมาณว่า เก่งโคตรๆ แต่กวนตีนสุดๆ อะไรประมาณนั้น จึงไม่มีอะไรให้ต้องพูดถึงมากนัก (ก็พอๆ กับที่ดVin Diesel ในหลายๆ เรื่องนั่นแหละฮะ) 

7

ส่วน หลี่ปิงปิง ก็ยังคงสวยปังเช่นเคย แต่คนที่เรียกว่าขโมยซีนสุดๆ นี่ ต้องยกน้องหนู Sophia Cai ที่รับบทเป็น Meiying ลูกสาวของ ซูหยิน คนนี้เลยฮะ เด็กอะไรก็ไม่รู้น่ารักชะมัด แม้บทที่เขียนให้อาจจะดูแก่แดดไปหน่อยก็ตาม 

สำหรับเนื้อเรื่องก็ไม่มีอะไรมาก เดินเรื่องเป็นเส้นตรงตามสไตล์หนังเอาตัวรอดจากสัตว์ยักษ์ ตรรกะหรือความสมเหตุสมผลไม่ต้องพูดถึง ซึ่งจริงๆ ก็อยากจะบอกว่าไม่ต้องไปสนใจอะไรมันมากฮะ ดูเอามันส์ก็พอฮะ ฉากตื่นเต้น ลุ้นระทึก มีปล่อยมาเรื่อยๆ และถูกจังหวะมากๆ 

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *