รีวิว Transformers The Last Knight ทรานส์ฟอร์มเมอร์ส 5

สวัสดีทุกคนวันนี้เราจะมารีวิว หนังใหม่ เรื่อง ทรานส์ฟอร์มเมอร์ส 5 Transformers 5 The Last Knight หนังหุ่นยนต์ที่คิดว่าจะสนุกที่สุดเลยก็ว่าได้ ใครที่เคยดูภาคแรกแล้ว ห้ามพลาดเลยล่ะกับจักรวาลของ หุ่นยนต์ทรายฟรอเมอร์ เราจึงจะมาแนะนำเนื้อเรื่องย่อ และ การแสดงของนักแสดง และการดำเนินเรื่อง แบบไม่สปอย

รีวิว ทรานส์ฟอร์มเมอร์ส 5 กับCGอย่างเดือด

ทรานฟอร์เมอร์ ล่าสุด ในขณะที่สงครามระหว่างมนุษย์และจักรกลยังคงดำเนินต่อไป เคด เยเกอร์ (มาร์ค วอห์ลเบิร์ก) นักประดิษฐ์ที่ผันตัวมาเป็นนักประดิษฐ์ บัมเบิ้ลบี และอิซาเบลล่า (อิซาเบลลา มัวร์) นา) r) เด็กสาวกำพร้าต้องร่วมมือกับ Sir Edmund Burton (Anthony Hopkins) และ Vivienne Wembley (Laura Haddock)
เพื่อค้นหาการเปลี่ยนแปลงว่าทำไม King Kong Athletics จึงต่อสู้บนโลกที่อาจเกี่ยวพันกับประวัติศาสตร์ของมนุษย์ ไม่เพียงเท่านั้น Optimus Prime ยังได้รับคำสั่งจาก Queen Tessa ให้กลับมาขโมยสิ่งของที่สามารถทำลายล้างโลกได้ในทันที
ทรานส์ฟอร์มเมอร์ส 5

วิจารณ์ภาพยนต์โดยความคิดส่วนตัว

“Transformers: The Last Knight” ฉบับล่าสุด (2017) เป็นทั้งการครบรอบ 10 ปีของซีรีส์ Transformers และการอำลาผู้กำกับ Michael Bay อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ การส่งไม้ต่อไปยังกองถ่ายเพื่อขยายจักรวาลเป็นประเด็นที่น่าสนใจสำหรับภาพยนตร์ซีรีส์นี้ต่อลมหายใจ บทเปิดความสัมพันธ์ระหว่างประวัติศาสตร์ของอัศวินโต๊ะกลมและการเดินทางครั้งแรก เหล่าเครื่องจักรต่างดาวที่ช่วยเขียนประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติ
แต่หนังกลับนำเสนอเรื่องราวตั้งแต่เริ่มต้นราวกับแสดงระเบิดและมุกตลกตั้งแต่ต้นเรื่อง หรือการที่เคดรับเด็กข้างถนนมาเลี้ยงก็แทบไม่มีผลกับเนื้อเรื่องเลย หนังใช้เวลาทั้งองก์แรกสลับเรื่อง ความสัมพันธ์ระหว่างพ่อกับลูกสาวของเคดและอิซาเบลลา – การค้นหาความจริงของเซอร์เอ็ดมันด์เกี่ยวกับวัตถุประหลาดบนโลก – การค้นพบหายนะของ NASA และการจับกุมออปติมัส ไพรม์ ยื้อกันไปมาจนวุ่นวายจนเรื่องราวเชื่อมโยงกันยืดเยื้อจนจบองก์ที่สอง
นอกจากนี้ ปัญหาบางอย่างของหนังยังทำให้ดื้อรั้นและเลินเล่อในการยัดเยียดฉากแอ็คชั่นที่น่าเบื่อระหว่างทาง ทั้งหมดนี้ยิ่งตอกย้ำบทที่ควรจะเพิ่มเข้าไปอีกเพื่อขยายจักรวาลจนทิ้งตรรกะและเหตุผลของเรื่องไปจนได้หนังที่มีทั้ง King Arthur มันคือ Star Wars, Star Trek แต่น่าเสียดายที่ไม่ใช่ ทรานฟอร์เมอร์ 5 4k ที่ควรจะเป็น
ทรานส์ฟอร์มเมอร์ส 5

พล็อตเรื่องดำเนินได้อย่างมึนๆงงๆ

นอกจากพล็อตหลักของ ทรานส์ฟอร์มเมอร์ส ล่าสุด แล้วก็เหมือนรียูสมากกว่า ภาพยนตร์เรื่องนี้ยังมีหลายด้าน และบางส่วนของคลิปก็เละเทะมาก เล่าเรื่องไม่ได้ ฉันไม่สามารถจัดการกับโครงเรื่องและตัวละครสุดเพี้ยนของตัวเองได้ อย่างที่คุณเจไดยุทธบอกว่า “ผู้ใหญ่ไม่ตลกหรอก เด็กเขาไม่รู้เรื่อง” (เอาจริง ๆ อย่าว่าแต่เด็กเลย เขาโตแล้ว ถึงจุดหนึ่งแล้ว ยังตามไม่ทันงงแต่ก็ปล่อยผ่าน)
เรื่องราวเปิดเรื่องจะพาเราย้อนกลับไปในสมัยของ King Arthur หรืออัศวินโต๊ะกลม ที่พ่อมด Merlin (Stanley Tucci จาก The Devil Wears Prada และ The Hunger Games) ได้รับดาบจากหุ่นยนต์ต่างดาว และในยุคปัจจุบัน Quintessa (Gemma Chan จาก Fantastic Beasts and Where to Find Them) ต้องการดาบเล่มนั้น เขาจึงสะกดจิตออพติมัส ไพรม์ (ปีเตอร์ คัลเลน) ให้ขโมยจากโลกมนุษย์ และเมกะทรอน (แฟรงค์ วิลค์) ก็มากลั่นแกล้งเขาเหมือนเคย
Guardian of the World – Guardian of the Sword ไม่ใช่ใครอื่นนอกจาก Cade Yeager (Mark Wahlberg จาก The Fighter, Patriots Day, Deepwater Horizon) ลูกสาวกำลังจะเข้ามหาลัย ส่วนอนาคตลูกเขย ไปแข่งรถ แต่ไม่รู้ไปไหน (แต่ล่าสุดเราเห็นที่ 555 Sing Street) แผนกนี้เลยต้องฟอร์มทีมใหม่
ทรานส์ฟอร์มเมอร์ส 5

จุดด้อยของหนังที่เห็นได้ชัดเจน ทรานส์ฟอร์มเมอร์ส 5

แต่ทีมฮีโร่กลับถูกแทนที่ด้วยสาวออกซ์ฟอร์ด วิเวียน เวมบลีย์ (ลอร่า แฮดด็อค, Guardians of the Galaxy) และลุงเซอร์ เอ็ดมันด์ เบอร์ตัน (แอนโธนี ฮอปกินส์, ธอร์) ราคาดาราออสการ์ทั้งเรื่อง เราจำได้แค่ลุงแก ลองคิดดู
นอกจากฝั่งอังกฤษแล้ว ยังมีตัวละครที่ไร้ประโยชน์และไร้ประโยชน์อื่นๆ เช่น อิซาเบลลา (อิซาเบลา โมเนอร์) เด็กหญิงไร้บ้านอายุ 12 ปี ที่วิ่งไปรอบๆ และเล่นนอกจอ แม้ว่าเธอจะไม่สำคัญในโครงเรื่อง (ฉันสงสัยว่าเขาเคยชินกับรายการทีวี–) ซึ่งไม่รวมถึงค็อกแมน (จิม คาร์เตอร์) บัตเลอร์ดรอยด์อเนกประสงค์ มันเหมือนหุ่นยนต์มากกว่า Transformers เหมือนโคลน C-3PO จาก Star Wars
สำหรับเลนน็อกซ์ (จอช ดูฮาเมล) เขาก็หล่อเช่นกัน (ผมยิ่งหงอกและเลื่อนขั้น) ก็กลับมาอีกครั้ง หลังจากการหายตัวไปของภาค 4 ของภาคนี้ ทหารอย่างเขาต้องต่อสู้กับหุ่นยนต์ Transformers เพื่อรัฐบาลในแคมเปญ Transformers Reaction Force (TRF)
Bumblebee (Erik Aadahl) เป็นตัวเอกที่แท้จริงของซีรีส์ ตอนนี้ไม่ดีที่จะดู เพราะผลงานเดี่ยวของ Bumblebee Bumblebee จะดู ~ Bumblebee จะไปยุคนาซี ~ สำหรับหุ่นยนต์ตัวอื่น ๆ พวกมันช่างพูดเหมือนเมื่อก่อน บทจะหัวเราะตลกมาก แต่บทที่น่ารำคาญก็น่ารำคาญ
ลอร่า แฮดด็อครับบทเป็นวิเวียน เวมบลีย์ ศาสตราจารย์ด้านวรรณคดีอังกฤษผู้กุมความลับในการปกป้องโลก
ผู้กำกับมีฉากแอคชั่นนอกเหนือจากระเบิดด้วยนะ อ่าวพ่อ

สรุปโดยรวมจากความรู้สึกส่วนตัวหลังดูจบ

อีกหนึ่งช่องโหว่ใหญ่คือการกำกับของไมเคิล เบย์ ซึ่งกำกับฉากแอคชั่นนอกเหนือไปจากซีเควนซ์แอคชั่นที่วุ่นวายและปั่นป่วน เขายังสามารถดึงนักแสดงมากความสามารถอย่าง มาร์ค วอห์ลเบิร์ก และ แอนโธนี ฮอปกินส์ เข้าสู่บทสนทนาที่ยาวและไร้สาระซึ่งทำให้เสียเวลา ไม่ต้องใช้นักแสดงระดับนี้ แต่… เรื่องนี้ต้องเป็นสิ่งที่เบย์ชื่นชม
ทีมคัดเลือกนักแสดงแนะนำ 2 นางเอกสาวเจ้าเสน่ห์ คนแรก ลอร่า แฮดด็อค จากซีรีส์ Da Vinci Demons สาวอังกฤษเจ้าเสน่ห์ผู้รับบท ของศาสตราจารย์ วรรณคดีอังกฤษมีเสน่ห์แม้ว่าตัวบทจะไม่ได้แสดงความเฉลียวฉลาดของตัวละคร แต่ปากอิ่มและตาโตได้รูปและสำเนียงอังกฤษสุดเซ็กซี่ก็เพียงพอแล้ว รักเธอไม่ยาก
และอีกหนึ่งสาวน้อยอย่าง Isabella Mona สาวสวยวัย 16 ปี กับลูกกำพร้าผิวสีแทนแสนสวยมาออกรายการส่งเสียงร้องเรียกความรักความเอ็นดู “ความเห็นอกเห็นใจ” ถึงหน้าจอ ลุงที่นั่งจะชอบขอลูกบุญธรรมมากกว่า มากกว่าตัวคุณเคด เยเกอร์เอง
อิซาเบลา โมเนอร์ รับบทเป็น อิซาเบลลา หญิงสาวผู้กล้าหาญที่ไม่เคยเกรงกลัวใคร
โดยรวมแล้วแม้จะมีสถานที่ที่คุ้นเคยและชอบในภาพยนตร์ แต่ดูเหมือนว่าทุกภูมิภาคจะเหมือนกัน การต่อสู้ของหุ่นยนต์, สาวเซ็กซี่, เอฟเฟกต์ตระการตาและมุมกล้องที่เจ๋ง แต่ Michael Bay ไม่สามารถควบคุมทิศทางของเรื่องได้ โชคดีที่มีเรื่องตลกเกี่ยวกับหุ่นเคิร์กแมนและสมาคมป้าผู้โดดเดี่ยวและญาติของนางเอก ใครจะมาปล่อยมุกสามมุกให้เรื่องคงอยู่
ทรานฟอร์เมอร์ netflix บทสรุป หนังวนลูปเดิมยาวเกินความจำเป็น (แต่สั้นและสนุกกว่าภาค 4) สำหรับการพยายามสร้างจักรวาลให้กับหนัง การวางโครงเรื่องยัดเยียดตัวละครมากจนควบคุมอะไรไม่ได้ เลยออกมาแบบ “ตำมั่ว” ไม่อร่อยและไม่มีคุณค่าทางอาหาร กินและเล่นคนเดียวเพื่อฆ่าเวลา ยังคงมองไปที่ความฟุ่มเฟือยบนใบหน้าของ Wang Pengcan

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *