รีวิว The Intouchables
รีวิวหนังใหม่ รีเมคจากหนังฝรั่งเศส The Intouchables ปี 2012 เป็นหนังฝรั่งเศสที่ฮิตที่สุดในประวัติศาสตร์ จากทุนสร้างเพียง 10 ล้านเหรียญ แต่ทำรายได้ทั่วโลกไปมากถึง 426 ล้านเหรียญ ส่งผลให้ โอมาร์ ซี กลายเป็นดาราชื่อดัง และ ก่อนหน้า The Upside อินเดียก็ชิงรีเมคไปก่อนหน้าแล้วในชื่อเรื่อง Oopiri ออกฉายเมื่อปี 2016 เป็นหนังพูดภาษาทมิฬ และ เวอร์ชั่นภาษาฮินดีก็กำลังอยู่ในระหว่างงานสร้าง แล้วก็ยังจะมีเวอร์ชั่นของประเทศอาร์เจนตินาอีกด้วย
เนื้อเรื่อง รีวิว The Intouchables
หนังดัดแปลงมาจากเรื่องจริงของ ฟิลลิป ปอซโซ ดิ บอร์โก นักธุรกิจชาวฝรั่งเศสผู้ประสบความสำเร็จแต่ประสบอุบัติเหตุเครื่องร่อนทำให้เป็นอัมพาตตั้งแต่คอลงมาไม่สามารถขยับเขยื้อนได้ เขา เลือกจ้าง อับเดล เซลลู ผู้ดูแลส่วนตัวคนใหม่ท่ามกลางเสียงคัดค้านของผู้คนรอบด้าน เพราะอับเดลเป็นขี้คุก และ ไม่มีประสบการณ์ในการ ดูแลผู้ป่วยอัมพาต กลายมา ติดตามหนังใหม่ได้ที่ หนังฟรี หนังใหม่ ดูหนัง ดูหนังออนไลน์
เรื่องย่อ รีวิว The Intouchables
เป็นเรื่องราวของนาย และ บ่าวที่ต่างกันสุดขั้วทั้งพื้นฐานครอบครัว การศึกษา และ รสนิยมการดำเนินชีวิต ซึ่งทั้งเวอร์ชั่นต้นฉบับ และ เวอร์ชั่นฮอลลีวู้ดต่างก็ถ่ายทอดหัวใจของหนังตรงนี้ออกมาได้ดี ในช่วงเวลา 6 เดือนที่ทั้งคู่ได้ใกล้ชิดกันต่างก็ซึมซับมุมมองการดำเนินชีวิตของกัน และ กัน ซึ่งล้วนทำให้โลกของทั้งคู่มีชีวิตชีวาขึ้นมาก อับเดล ซึมซับการฟังเพลง
คลาสสิกมาจากฟิลลิป เริ่มมองเห็นคุณค่าของชีวิต สนใจเรื่องการทำธุรกิจอยากจะมีชีวิตที่ก้าวหน้ามากขึ้น ส่วนฟิลลิปก็สนุกไปกับการได้ลองใช้ชีวิตโลดโผน ดู บ้าง ได้ลองดู ดกัญชาขับรถซิ่ง ฟังเพลงโซลอเมริกัน ซื้อบริการโสเภณี ทำให้ชีวิตซังกะตายของผู้ป่วยกลับมามีสีสันมากขึ้น
เวอร์ชั่นฮอลลีวู้ดเป็นผลงานกำกับของ นีล เบอร์เกอร์ ที่ไม่ค่อยมีงานกำกับออกมาบ่อยนัก เรื่องสุดท้ายที่เราได้ ดู กันก็คือ Divergent (2014) กำกับจากบทภาพยนตร์ของ จอน ฮาร์ตเมีย มือเขียนบทหน้าใหม่ ที่ปรับเปลี่ยนบทจากเวอร์ชั่น
ฝรั่งเศสไปไกลลิบ แต่ด้วยเนื้อหาที่มีความเป็นอเมริกันมากขึ้น ก็สามารถเปลี่ยนใจนีล เบอร์เกอร์ ที่ได้อ่านบทร่างแรกแล้วบอกปฎิเสธไป แต่เมื่อได้อ่านบทของจอน ฮาร์ตเมีย แล้วประทับใจตกลงกำกับ บทมหาเศรษฐี ฟิลลิป ลาคาส ของไบรอัน แครนสตัน ดู มีความใกล้เคียงกับเวอร์ชั่นต้นฉบับมากสุด ส่วนบทอื่นถูกปรับแต่งใหม่เสียมาก
โดยเฉพาะตัว “ดริส” ในเวอร์ชั่นฝรั่งเศส ก็เปลี่ยนชื่อเป็น “เดล สก็อตต์” แล้วก็เลือกให้เควิน ฮาร์ต มารับบท ซึ่งนับว่าเป็นการปรับเปลี่ยนภาพลักษณ์ของดาราตลกร่างเล็กคนนี้ไปพอควร เมื่อต้องมารับบทในหนังดราม่าแบบนี้ เควิน ถ่ายทอดภาพลักษณ์ขี้คุกของ เดลออกมา ดู น่าเชื่อ กับการไว้หนวดไว้เครา แต่ในฉากฮา เควิน ก็ปล่อยตัวตนเดิมออกมาอย่างชัดเจน ซึ่งทำให้ เข้าใจ ถึงเหตุผลที่ผู้สร้างเลือกเควิน ฮาร์ต มาแทน เจมี่ ฟ็อกซ์ และ ไอดริส เอลบ้า เพราะว่าบทหนังเพิ่มฉากฮา เข้า ไปเยอะมาก หลาย ๆ ฉากขำมาก โดยเฉพาะฉากที่เดลจะต้องใส่ท่อยางกับจุ๊ดจู๋ของฟิลลิป ซึ่งเราขำได้แรง ๆ กับลีลา
ท่าทางของเควิน ฮาร์ต ที่เป็นงานถนัดของ เขา แต่บทก็ปรับเปลี่ยนเรื่องราวส่วนตัวของเดลให้หนักมากขึ้น ด้วยการเขียนฉากหลังครอบครัวของเดลเสียใหม่ จากเดิมที่อยู่กับแม่ และ น้องอีก 5 คน ให้เป็นขี้คุกที่พยายามสานความสัมพันธ์กับลูก และ มียนอกจากบท เดล ที่ถูกปรับเปลี่ยนแล้ว “อีวอน” บทเลขาส่วนตัวของฟิลลิปที่เวอร์ชั่นนี้ได้ นิโคล คิดแมน มารับบท
ก็ถูกยกระดับให้เป็นตัวละครนำ จากเดิมที่เป็นแค่ตัวประกอบ ก็นับว่าการยกระดับบทของเธอช่วยเพิ่มสีสันให้หนังได้อย่างมาก กับการเป็นเลขาที่รัก และ ผูกพันกับฟิลลิปอย่างมาก เธอไม่พอใจที่ฟิลลิปเลือกเดลมารับงานนี้ และ ตั้งกฏเหล็กขึ้นมาเพื่อหาทางกำจัดเดลออกไป ซึ่งเดลก็สามารถพิสูจน์ความสามารถ และ ความจริงใจให้อีวอนยอมรับได้ในท้ายที่สุด
เวอร์ชั่นนี้ไม่เพียงแต่เพิ่มฉากฮา แต่กับสัดส่วนดราม่าของหนังก็ถูกยกระดับขึ้นมาให้ตึงเครียดมากขึ้นเช่นกัน ด้วยการเขียนให้ฟิลลิป และ เดลมีปากเสียงกันถึงขั้นโบกมือลา ซึ่งในเวอร์ชั่นต้นฉบับนั้นคู่นี้จากกันด้วยดี ก็เป็นการเสริม เข้า ไปได้ถูกจังหวะจะโคน ทำให้เรื่องราวของหนังมีจุดวิกฤต และ น่าติดตามว่าความสัมพันธ์ของทั้งคู่จะลงเอยอย่างไร ไม่เพียงแต่การ
ปรับเปลี่ยนเรื่องราวให้เป็นอเมริกันมากขึ้น ด้วยความที่เวอร์ชั่นนี้ห่างจากต้นฉบับถึง 7 ปี ก็เลยเพิ่มเรื่องราวของเทคโนโลยี เข้า ไป อย่างเช่นเรื่องราวของกูเกิ้ล ที่ต่อยอดไปถึงจุดดราม่าของหนังได้ รถหรูของฟิลลิปก็เป็นแบรนด์อเมริกันล้วน สั่งให้เล่นเพลงด้วยคำสั่งเสียงพูด
หนังเลือกใช้ อาเรธา แฟรงคลิน ดีว่าหญิงระดับตำนานมาเป็นตัวแทนของบทสรุปที่รสนิยมของทั้งคู่จูนมาหาจุดกึ่งกลางกันได้อย่างสวยงาม แม้จะชอบกับการปรับเปลี่ยนหลาย ๆ อย่างในเวอร์ชั่นฮอลลีวู้ดนี้ แต่ผู้เขียนก็ยังประทับใจกับฉากจบของต้นฉบับมากกว่า กับภาพที่”ดริส” (ชื่อในเวอร์ชั่นต้นฉบับ) เดินจากฟิลลิปไป กับภาพสุดท้ายที่ เขาเห็นคือนายกำลังยิ้มมี
ความสุขกับแขกเซอร์ไพรส์ที่ดริสจัดมาให้ แต่อย่างไรก็ตามไม่ว่าจะเวอร์ชั่นไหน เรื่องราวของ ฟิลลิป และ อับเดล ตัวจริง ก็เป็นมิตรภาพที่สวยงาม จากคนต่างขั้วที่เลือกรับและ ถ่ายทอดสิ่งดี ๆ ให้แก่กัน เป็นเรื่องราวที่สมควรเล่าต่อไปอีกหลาย ๆ เวอร์ชั่น ถ้ายังคงหัวใจของความสัมพันธ์นี้ไว้ และ สื่อออกมาได้อย่างต้นฉบับ
ก็ยอมรับว่า The Upside เป็นการรีเมคที่ฉลาด เลือกคงบางฉากที่เป็นหัวใจหลักของเรื่องราวจากต้นฉบับไว้ และ เลือกเสริมเติมแต่งที่ทำให้หนังมีสีสันมากขึ้น ลงเอยเป็นหนังที่ครบรสชาติ ทั้งมุกฮาที่หัวร่อได้ถี่ ๆ ทั้งเรื่อง ดราม่าแรง ๆ เครียด ๆ แต่ยังคงสาระเรื่องการให้โอกาส ไม่ตัดสินคนแค่ภายนอก ที่เล่าออกมาได้อย่างมีสีสัน ดาราที่คัดมา ก็ระดับยอดฝีมือในวงการทั้งสิ้น สมควรที่หนังประสบความสำเร็จตังแต่สัปดาห์แรกที่เปิดตัว ไม่ควรพลาดครับ
ด้วยการแสดงของทั้งสองเป็นอะไรที่เคมี เข้า หากันอย่างบรรยายไม่ถูก ถ้าถามว่าเพียงสองท่านเท่านั้นอย่างงั้นเหรอ ก็จะตอบว่าไม่เพราะยังมีนักแสดงอีกหลายคนที่มีส่วนทำให้หนัง ดู มีมิติมากขึ้น อาทิ Audrey Fleurot ในบทเลขาสาวที่ดริสส์ชอบส่งสายตาหวานเป็นประจำ และ Anne Le Ny กับบทบาทประหนึ่งผู้ ดู แลฟิลิปป์อีกคนหนึ่งที่ทำหน้าที่ช่วยสอนให้
ดริสส์ได้รู้วิธีทำดูแลฟิลิปป์ยังไงบ้าง โดยทั้งสองในเรื่องต่างมีบทบาทสำคัญช่วยทำให้เนื้อเรื่องมีจุดที่สนุก และ กลมกล่อมกับความเป็นกันเองที่โลกนี้ไม่ได้มีแค่สองเรากับคนปกติ และ คนพิการ ไม่ใช่แค่นักแสดงที่ช่วยเพิ่มมิติให้ดูแสนอบอุ่นเพียงเรื่องตัวละครหรือเนื้อเรื่องหลายมุมมองแต่ยังมีมุขตลกที่เป็นตลกร้ายแต่ร้ายในที่นี่คือการบำบัดเพิ่มภูมิต้านทานให้มีจิตใจ
ที่เข้มแข็งมากขึ้น อย่างเช่นฉากฟิลิปป์ขอขนมเม็ดช็อกโกแลตที่ดริสส์กำลังกินอยู่ ทว่าดริสส์บอกให้ยื่นมือมาเอาสิ ประโยคนี้ถ้ากับใครคงไม่มีปัญหาเท่าฟิลิปป์ที่ตั้งแต่ช่วงคอลงไปไม่สามารถขยับได้แล้วดริสส์ก็รู้แก่ใจดีว่าการยื่นมือไปรับขนมช็อกโกแลตเป็นเรื่องเพ้อฝันจนฟิลิปป์ยังรู้สึกตกใจกับประโยคนี้ที่างผลสะเทือนใจชนิดแทงใจดำ ถึงแบบนั้นใช่ว่าดริสส์จะตั้งใจพูดซะเมื่อไหร่เพราะ เขา เองยังอธิบายด้วยว่ามันเป็นมุขเป็นตลกร้ายประมาณว่าคุณขยับไม่ได้แต่ผมให้คุณยื่นแขนมา
รับแต่เผอิญลืมไปว่าไม่สามารถทำแบบนั้นได้ หรือจะฉากโกนหนวดโกนเคราให้ฟิลิปป์ที่เหมือนจะโกนแล้วเสร็จแบบหมดจดแต่ใช่ที่ไหนเพราะดริสส์เล่นแกล้งแต่งรูปทรงจนน่าตลก วิธีนี้อาจจะทำให้เจ้าตัวรู้สึกไม่ดีเมื่อรับฟังหรือถูกกระทำเพราะเป็นเรื่องสะเทือนใจอยู่บ้าง ถ้าเกิดเจ้าตัวรับรู้ได้ว่านี่คือตลกร้ายที่มีไว้เผชิญหน้าแล้วก็เหมาะกับการฟื้นฟูเพราะช่วยให้การมองโลกแง่ร้ายๆกลายเป็นดีได้โดยง่ายรีวิว The Intouchables
ติดตามหนังใหม่ได้ที่ ดูหนังฟรี ดูหนังออนไลน์ ดูหนัง